เอเอฟพี - ชาวอเมริกันเกือบ 3 ใน 4 ไม่เชื่อว่ารัฐบาลและรัฐสภาจะสามารถแก้ไขวิกฤตหนี้สินรุงรังของสหรัฐฯได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหงุดหงิดไม่พอใจที่กำลังหยั่งรากลึกมากขึ้น ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจกำลังทำท่ารุนแรงยิ่งขึ้น
ประชาชนราว 4 ใน 10 ซึ่งตอบแบบสอบถามของ วอชิงตัน โพสต์ ไม่เชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะจัดการปัญหาเศรษฐกิจให้คลี่คลายลงได้ โดยระดับความเชื่อถือลดลงถึง 21 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปี 2002
ปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นผลจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจกำลังจะเกิดการถดถอยเป็นรอบที่สอง, การเทขายหุ้น และการลดเรตติ้งของสหรัฐจาก AAA เหลือเพียง AA+ ซึ่งมีชนวนเหตุจากการถกเถียงที่ยื้ดเยื้อภายในสภาคองเกรส ก่อนจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้สินได้
ชาวอเมริกัน 8 ใน 10 คนไม่พอใจกับระบบการเมืองสหรัฐฯในปัจจุบัน โดยร้อยละ 45 บอกว่าไม่พอใจมากที่สุด วอชิงตัน โพสต์ เผย
กว่าร้อยละ 70 คิดว่ารัฐบาลและรัฐสภาให้ความสำคัญกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันต่างโยนความผิดให้กันและกัน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 43 บอกว่า ควรถูกตำหนิกันทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้ตอบคำถามร้อยละ 80 ทราบข่าวที่สหรัฐฯถูกบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ลดเรตติ้ง และกว่าครึ่งหนึ่งเห็นด้วยที่ เอสแอนด์พี โจมตีความแตกแยกภายในสภาคองเกรส
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่า โอบามา และพรรครีพับลิกัน ทำให้วิกฤตการคลังของชาติย่ำแย่ลงมากกว่าจะช่วยให้ดีขึ้น โดยร้อยละ 35 โทษว่าเป็นความผิดของรีพับลิกัน ส่วนร้อยละ 28 โทษโอบามา
มีเพียงร้อยละ 10 ที่เชื่อว่าแนวทางของรีพับลิกันจะสามารถแก้ปัญหาหนี้สินของสหรัฐฯได้ ขณะที่ร้อยละ 19 พอใจนโยบายของ โอบามา มากกว่า
สภาพการณ์ที่ย่ำแย่ส่งผลให้คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีลดลงเหลือ 44 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 46 เปอร์เซ็นต์เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว