เอเอฟพี - สื่อจีนออกมาวิจารณ์ (3 ส.ค.) ว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ในการขยายเพดานก่อหนี้เพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (default) นั้น ไม่สามารถช่วยปลดชนวนระเบิดหนี้สาธารณะที่สหรัฐฯก่อไว้ได้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่า จีนจะกระจายความเสี่ยงในการถือครองเงินสกุลดอลลาร์
หลังจากเจรจากับผู้แทนฯ พรรครีพับลิกันอย่างขมขื่นอยู่หลายเดือน ท้ายที่สุดประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯก็ได้ลงนาม (2 ส.ค.) ในร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้และขยายแผนลดขาดดุลงบประมาณของประเทศในช่วงอีก 10 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหวายังคงวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการทางการเมืองของสหรัฐฯ พร้อมเตือนว่า การเพิ่มระดับเพดานหนี้ฯ นั้นเหมือนไม่ได้ช่วยให้สหรัฐฯลดการเสพติดการกู้ยืมได้เลย
“ศึกยืดเยื้อหลายเดือนระหว่างเดโมแครตและรีพับลิกัน.. ท้ายสุดก็ล้มเหลวที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ฯ เพียงแต่ช่วยต่ออายุให้ระเบิดเวลาทำงานนานขึ้นไปอีกหน่อยเท่านั้น” คอลัมน์วิจารณ์ในซินหวาระบุ
พร้อมกันนั้นยังได้สาธยายการเจรจาต่อรองระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครตว่าเปรียบเสมือน “ละครตลกร้าย” ที่เล่นกับความจริงโดยไม่สะทกทะท้าน พร้อมกับอบรมนักการเมืองสหรัฐฯว่า ควรจะหามาตรการที่แสดงถึงความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจึงจะสมควร
การโต้ตอบจากฝั่งรัฐบาลจีนครั้งแรกมาจากธนาคารกลางของจีน โดยได้ออกแถลงการณ์และเห็นด้วยกับมาตรการของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงการกระจายความเสี่ยงการถือครองหรือลงทุนกับสกุลเงินดอลลาร์ต่อไป
โจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีนระบุในแถลงการณ์ ว่า “การลงทุนในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนจะยังคงหลักการกระจายความเสี่ยง ขยายการจัดการความเสี่ยง และการลดผลกระทบด้านลบของความผันผวนตลาดการเงินโลกด้วย”
“ช่วงความผันผวนที่กว้างและความไม่แน่นอนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะกระทบต่อความมั่นคงของระบบการเงินการคลังสากล ซึ่งก็จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะงักงันไปอีก” โจว ย้ำ
ต้ากงลดเครดิตสหรัฐฯ
ในวันนี้ (3 ส.ค.) “ต้ากง โกลบอล เครดิต เรทติ้ง” บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของจีน ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯเป็นครั้งที่ 2 นับแต่เดือนพ.ย. 2553
จีนมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงสุดในโลกประมาณ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นเดือนมิ.ย. ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมากที่สุด ขณะนี้จีนกำลังกังวลต่อการลงทุนด้วยการถือครองสกุลเงินดอลลาร์
บริษัทบริษัทการลงทุนแห่งประเทศจีน (ซีไอซี) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนเงินสำรองต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่บริหารทรัพย์ก้อนยักษ์กว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ตั้งขึ้นในปี 2550 ก็พยายามกระจายความเสี่ยงการถือครองเงินสกุลต่าง ๆ นับแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 เป็นต้นมา
นอกจากนั้นซีไอซี ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของจีนนี้ ก็ได้เพิ่มการถือครองพันธบัตรจากยุโรปมูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลงทุนที่หวังว่าจะได้กำไรงาม และเป็นการค้ำประกันภาระหนี้ของบรรดาประเทศยุโรปซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้ารายสำคัญของจีนด้วย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่า จีนไม่มีทางเลือก จึงต้องคงการซื้อหนี้สหรัฐฯต่อไป
อลิสแตร์ ธอร์ตัน นักวิเคราะห์จาก ไอเอชเอส โกลบอล อินไซต์ ชี้ว่า “ผมมั่นใจว่าพวกเขา (จีน) กำลังหาหนทางกระจายความเสี่ยง แต่ก็คงมีขอบเขต”
“ในความเป็นจริงแล้ว จีนลำบากมากในการกระจายความเสี่ยงจากการซื้อหนี้สหรัฐฯ ถ้าหากจีนไม่ปรับแบบแผนทางเศรษฐกิจทั้งหมดของตนก่อน”
ต้ากง เผยในแถลงการณ์ว่า ได้ลดระดับความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯทั้งระดับในประเทศและต่างประเทศจากเรตติ้ง A+ เป็น A ซึ่งถือว่าเป็นมุมมองด้านลบ
“การปรับยกระดับเพดานการก่อหนี้สาธารณะ จะทำให้สหรัฐฯเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน” ต้ากงย้ำ
นอกจากนั้น ต้ากงยังได้วิจารณ์บริษัทจัดอันดับของตะวันตก ทั้งมูดี้ส์ ฟิตช์ และแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส ว่าปกปิดความเสี่ยงด้านการเงิน โดยสามสำนักนั้นยังคงจัดให้สหรัฐฯ อยู่ในเรตติ้ง "AAA" ทำให้สหรัฐฯ มีสถานะที่จะก่อหนี้ได้อีก ซึ่งจีนมองว่าการกระทำดังกล่าวจะไปกระตุ้นให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมาได้