เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สำนักสังคมศาสตร์จีนเผย จำนวนเว็บไซต์บนแผ่นดินใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมาปิดตัวไปเกือบครึ่ง แต่ชี้ว่า การควบคุมจากฝ่ายเซ็นเซอร์จีนไม่ใช่สาเหตุหลักของการลดจำนวนดังกล่าว
รายงานประจำปีเรื่อง “การพัฒนาสื่อใหม่” ของสำนักสังคมศาสตร์ประเทศจีนเผยว่า เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาจีนมีเว็บไซต์จำนวน 1.91 ล้านเว็บ ซึ่งถือว่าลดลงร้อยละ 41 จากเมื่อสิ้นปี 2552 ซึ่งมีอยู่ 3.23 ล้านเว็บ
หลิว รุ่ยเซิ่ง บรรณาธิการบริหารฯและรองประธานการวิจัยประจำสถาบันวิจัยการสื่อสารและหนังสือพิมพ์ชี้ว่า เหตุที่ทำให้จำนวนเว็บไซต์ดิ่งลงขนาดนี้ เป็นเพราะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง
ประเทศจีนมีชาวเน็ตประมาณ 457 ล้านคน
หลิว กล่าวว่า “ชาวจีนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์ มีน้อยกรณีนักที่เว็บไซต์จะถูกปิดเนื่องจากการควบคุมของฝ่ายเซ็นเซอร์”
บางเว็บไซต์ อาทิ ฟอรั่ม ไมโครบล็อก ขาดทุนตกต่ำจนต้องปิดตัวไปเอง หลิวกล่าว
การสร้างและดำเนินงานเว็บไซต์ต้องเป็นไปตามกฎหมาย หลิวย้ำ “บางเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายถูกสั่งปิดไปเนื่องมาจากมีเนื้อหาลามกอนาจาร”
นับแต่เดือนธ.ค. 2552 เว็บไซต์ขนาดเล็กหลายพันเว็บต้องปิดตัวลงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากรัฐมีเป้าหมายกำจัดเว็บไซต์ลามก ทั้งนี้เว็บไซต์ที่ปิดตัวแล้วจะไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้อย่างถาวรอีกต่อไป
นักวิเคราะห์อิสระชี้ว่า การลดจำนวนเว็บไซต์นั้นเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมการแสดงออกของประชาชนอย่างเข้มงวด
อู่ เฉียง นักวิเคราะห์สื่ออินเทอร์เน็ตประจำมหาวิทยาลัยชิงหวา เผยว่า “จำนวนเว็บไซต์ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เช่น ฟอรั่ม หรือบล็อกต่าง ๆ ปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก การปิดตัวลงก็เนื่องมาจากการควบคุมการแสดงความเห็นของรัฐบาลนั่นเอง ทำให้ฟอรั่มและกระดานข่าวต่าง ๆ ตอนนี้ไม่คึกคักเท่ากับก่อนหน้านี้”
เว็บไซต์ข่าวทางการ Sdnews.com.cn ซึ่งมีฐานอยู่ที่จี้หนาน มณฑลซานตง ก็มีรายงานว่าปิดเว็บไปอีกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยคำอธิบายเพียงประโยคเดียวว่า “ปิดแก้ปัญหาเชิงเทคนิค” กรมโฆษณาการประจำมณฑลปฏิเสธว่า เว็บไซต์ของกรมฯมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดแบนเนอร์ไว้อาลัยการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวลือนี้รั่วออกมา
จีนหวั่นเน็ตทำลายอุดมการณ์ฯ
นอกจากนั้นรายงานยังระบุว่า รัฐบาลเพิ่มความระมัดระวังและตระหนักถึงแรงกดดันจากต่างประเทศที่พยายามแทรกซึมเข้ามาสั่นคลอนอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ทางสื่อออนไลน์
ความปลอดภัยทางการเมืองกลายเป็นเรื่องสำคัญสุดสำหรับโลกอินเทอร์เน็ตจีน หลังจากรายการวิทยุเสียงจากอเมริกาที่รัฐบาลมะกันสนับสนุนย้ายการสื่อสารจากวิทยุมาเป็นอินเทอร์เน็ต
หลิวชี้ว่า “เป็นเรื่องปกติที่สหรัฐฯพยายามแทรกอิทธิพลในประเทศต่าง ๆ ด้วยการซึมผ่านอุดมการณ์ของตน และจีนเป็นเป้าหมายหมายเลข 1 รวมทั้งเป็นคู่แข่งของอเมริกาด้วย” หลิวเตือนว่าจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาอุดมการณ์ทางการเมืองจีนไว้ให้ปลอดภัย
“การย้ายฐานบางส่วนของกูเกิลออกจากจีนปีที่แล้ว เป็นแผนการทางการเมืองของกูเกิลและรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งใช้สื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการครองความเป็นจ้าวและมีอิทธิพลเหนือชาติอื่น สื่อเปรียบเสมือนปืนกลในการโจมตีเสถียรภาพทางการเมืองของจีน” หลิวย้ำ
รัฐบาลจีนตรึงมาตรการคุมการใช้เน็ตอย่างเข้มงวด หลังจากมีการเรียกร้องออนไลน์ให้ออกมารวมตัวประท้วง และสื่อออนไลน์ก็เป็นเหตุสั่นคลอนและล้มล้างเสถียรภาพทางการเมืองในโลกอาหรับมาแล้ว
คำว่า “มะลิ” กลายเป็นคำใหม่ที่มีการเซ็นเซอร์อย่างละเอียด หลิวแถลงว่า “เมื่อประเทศตะวันตกเป็นมิตรและไม่มายุแหย่ให้เกิดการปฏิวัติ เราก็จะไม่เซ็นเซอร์คำว่า “มะลิ” อีกต่อไป”
ขณะที่จำนวนเว็บไซต์ลดลง แต่รายงานชี้ว่า จำนวนเว็บเพจได้เพิ่มขึ้นถึง 78.6 เปอร์เซ็นต์ มีถึง 60,000 ล้านหน้า ซึ่งชี้ให้เห็นว่า แต่ละเว็บมีเนื้อหาหลากหลายและเพิ่มจำนวนหน้าขึ้นนั่นเอง.