รอยเตอร์/ไชน่าเดลี - ประธานเสนาธิการทหารร่วมกองทัพปลดแอกประชาชนจีนวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯอย่างตรงไปตรงมา กรณีที่มีปฏิบัติการซ้อมรบในน่านน้ำทะเลจีนใต้ พร้อมส่งเสียงคำราม “มะกันอย่าก้าวก่ายเรื่องที่ไม่มีสิทธิ์ยุ่ง”
พลเอกเฉิน ปิ่งเต๋อ ประธานเสนาธิการทหารร่วมของกองทัพฯ จีน ชี้ว่า หากสหรัฐฯต้องการเห็นสันติภาพในทะเลจีนใต้จริง ถ้าเช่นนั้นก็จงหยุดซ้อมรบทางทะเลเสีย
“สหรัฐฯย้ำแล้วย้ำอีกว่า ไม่ได้มีเจตนาจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ แต่.. กลับทำในสิ่งตรงข้ามกับคำพูด” เฉินกล่าวในงานแถลงข่าว หลังจากพบปะกับไมค์ มูลเลน ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐอเมริกา ที่เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ 4 วัน วานนี้ (11 ก.ค.)
“แม้ว่าสหรัฐฯจะมีปฏิบัติการในทุกมุมโลกมาเป็นเวลาช้านานแล้ว แต่การหน่วงรั้งการซ้อมรบในทะเลจีนใต้ตอนนี้ ถือว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างจีน ฟิลิปปินส์และเวียดนามไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก เนื่องจากแต่ละประเทศต่างเห็นว่าพื้นที่ในทะเลจีนใต้อันรวมถึงหมู่เกาะสแปรตลีย์อันอุดมทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานนั้นเป็นของตน
ฝ่ายจีนเรียกร้องให้ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาแบบทวิภาคี ซึ่งนักวิจารณ์มองว่ายุทธศาสตร์เช่นนี้เรียกว่า “แบ่งเพื่อเอาชนะ” หมายถึงการทำให้ศัตรูหรือปัญหาแตกออกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แล้วทำให้จัดการปัญหาได้ง่ายดาย
ฝ่ายฟิลิปปินส์ ก็ได้เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาแบบหลายฝ่าย โดยฟิลิปปินส์เองได้มีปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับนาวิกโยทินสหรัฐฯ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ชี้ว่า เขาได้เสนอปัญหาต่อจีนว่าควรจะยกประเด็นนี้ให้สหประชาชาติพิจารณา เมื่อครั้งเยือนปักกิ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายจีนก็ปฏิเสธ
ทั้งจีน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน ต่างอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่บางส่วนของน่านน้ำในทะเลจีนใต้ 1.3 ล้านตร.ไมล์ การแล่นเรือลาดตระเวนของจีนและเวียดนามได้สร้างความร้าวฉานระหว่างสองชาติคอมมิวนิสต์มากขึ้น ทำให้รูปแบบความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไป โดยเวียดนามหันมาร่วมมือทางทหารกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอดีตศัตรูเก่า
รุกอธิปไตยจีน
ขณะนี้สัมพันธ์ทางทหารจีนสหรัฐฯกำลังเข้าสู่สภาวะที่หนักหน่วง จีนไม่พอใจที่เรือลาดตระเวนของสหรัฐฯ ซึ่งล่องมาจากฐานในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น มาจอดใกล้ชายฝั่ง ซึ่งมีความน่าสงสัยอย่างยิ่ง
“อากาศยานไร้คนขับของสหรัฐฯมาทำการบินลาดตระเวนใกล้ชายฝั่งจีนเพียง 16 ไมล์ทะเล ซึ่งใกล้จีนมาก ผมหวังว่าสหายชาวอเมริกันควรจะพิจารณาด้วยว่า จะทำอะไรก็ให้คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนชาวจีนบ้าง” เฉินกล่าว
นอกจากนั้นเฉิน ปิ่งเต๋อยังยืนยันเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (11 ก.ค.) ด้วยว่า จีนกำลังสร้างเรือบรรทุกอากาศยาน “ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรือบรรทุกอากาศยานจีน ตั้งแต่สื่อมวลชนประโคมข่าวกันอุ่นหนาฝาคั่ง และสหายอเมริกันก็รู้ดีว่า เราซื้อเรือเก่าวาร์ยัก มาจากยูเครน ซึ่งมีประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยของเราอย่างมาก”
ฝ่ายสหรัฐฯ ก็ประกาศชัดว่าต้องการให้กองทัพจีนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เนื่องจากจีนกำลังพัฒนากองทัพแบบทันสมัย
สัมพันธ์ทางทหารร้าวฉาน
อีกปัญหาหนึ่งที่มิอาจมองข้ามคือการขายอาวุธให้ไต้หวัน จีนโกรธจัดที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวันในต้นปี 2553 มูลค่า 6.4 ล้านเหรียญ
ในการนี้ มูลเลน จะได้พบปะกับเหลียง กวงเลี่ย รัฐมนตรีกลาโหมจีน นายกัว ปั๋วสยง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารพรรคคอมมิวนิสต์ และรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหวา
สี จิ้นผิงชี้ว่า “ผมหวังว่ากระทรวงกลาโหม และกองทัพทั้งสองชาติจะขจัดอุปสรรคและผูกสัมพันธ์ด้วยความเคารพในผลประโยชน์ร่วมกัน”
นอกจากนั้นกัวยังเรียกร้องให้สหรัฐฯยุติการขายอาวุธให้ไต้หวัน
การเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 4 วันของมูลเลน เนื่องจากสหรัฐฯและจีนพยายามยกกระชับสัมพันธ์ทางการทหารของสองชาติ แต่ในงานแถลงข่าวกับเฉิน มูลเลนกลับย้ำว่า สหรัฐฯจะรักษาการคงอยู่ของกองทัพในเอเชียและทำการฝึกซ้อมทางทหารตามกฎหมายระหว่างประเทศ
“ทั้งเครื่องบินรบ และปฏิบัติการซ้อมรบทั้งมวลเกิดขึ้นสอดคล้องตามบรรทัดฐานสากล และในอนาคตเราจะยังคงทำเช่นนี้ต่อไป” มูลเลนชี้