เอเยนซี - ค่าเงินหยวนของจีนแตะระดับแข็งค่าสูงสุดต่อดอลลาร์ในรอบกว่า 1 ปี เมื่อวันอังคาร (11 ต.ค.) ซึ่งเป็นช่วงที่วุฒิสมาชิกสภาสหรัฐฯ กำลังจะลงคะแนนผ่านร่างกฎหมายลงโทษค่าเงินจีน เพราะเห็นว่าจีนฉุดรั้งค่าเงินหยวนไว้ให้อ่อนค่าเกินความเป็นจริง
จีนได้อนุญาตให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นต่อดอลลาร์ เพื่อให้สหรัฐฯที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ของจีนหันเหทิศทางการวิพากษ์วิจารณ์ ที่ว่าจีนควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศไปเสีย
วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังจะลงมติผ่านร่างกฎหมายลงโทษค่าเงิน ซึ่งเป็นการตอบโต้จีน เนื่องจากสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนสหรัฐฯอ้างว่า “เงินหยวนอ่อนค่าเอื้อต่อการส่งออกของจีนอย่างมาก”
ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนตั้งค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ไว้ที่ 6.3483 หยวนต่อดอลลาร์ในวันนี้ (11 ต.ค.) เทียบกับเมื่อวันจันทร์อยู่ที่ 6.3586หยวนต่อดอลลาร์
ดาวโจนส์นิวส์ไวร์ส รายงาน “ค่ากลางฯ ใหม่นี้นับว่าขึ้นมาแข็งค่ามากที่สุด นับแต่จีนประกาศว่ารัฐบาลจีนจะยังคงรักษาระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนลอยตัวแบบมีการจัดการเพื่อรักษาประโยชน์ชาติระยะยาวในเดือนก.ค. 2553”
ทั้งนี้เงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงในช่วงระดับ 0.5 เปอร์เซ็นต์จากค่ากลาง
จีนปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ต่อดอลลาร์ นับแต่ปีที่ผ่านมาที่จีนสัญญาว่าจะสกัดเงินเฟ้อให้อยู่หมัด ซึ่งค่าเงินที่แข็งก็ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจีนลดน้อยลงด้วย
อย่างไรก็ตามวุฒิสภาทั้งสองพรรคของสหรัฐฯก็ยังคงมองว่าจีนปล่อยแข็งค่าหยวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตามจีนแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายลงโทษค่าเงินของสหรัฐฯ โดยนายชุ่ย เทียนไข่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนออกมาเตือนว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านเท่ากับว่า สงครามการค้าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“หากสหรัฐทำเช่นนี้ย่อมกระทบต่อพัฒนาการความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และผลกระทบก็จะส่งผลต่อทุกด้านระหว่างมะกันกับจีน” ไชน่าเดลียกคำกล่าวของชุ่ย
แม้ว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ จะแสดงความกังวลว่า กฎหมายใหม่ฯ จะละเมิดหลักการขององค์การค้าโลก แต่เขาก็วิจารณ์นโยบายคุมค่าเงินของจีนอย่างหนักหน่วงด้วย