สื่อจีนประณามซีนุก เหตุ "ปิดข่าวน้ำมันรั่ว"

เอเอฟพี / เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์/ ไชน่า เดลี - สื่อจีนและกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม(กรีนกรุ๊ป) ต่อว่าซีนุก บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน และสำนักงานแห่งรัฐเพื่อการบริหารมหาสมุทรที่ปิดข่าวน้ำมันรั่วไหลจากแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลบริเวณมณฑลซานตง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

สำนักข่าวไชน่า นิวส์รายงาน(6 ก.ค.)ว่า นายหลี เสี่ยวหมิง ผู้อำนวยการแผนกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลสำนักงานแห่งรัฐเพื่อการบริหารมหาสมุทร (State Oceanic Administration - SOA) ได้เผยในแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุน้ำมันรั่วเป็นครั้งแรก(5 ก.ค.)ว่า เหตุน้ำมันรั่วในอ่าวปั๋วไห่ บริเวณมณฑลซานตง เกิดจากแท่นขุดเจาะบีและซีของบ่อน้ำมันเผิงไหล 19-3 รั่วในวันที่ 4 และ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีคราบน้ำมันปนเปื้อนน้ำทะเลเป็นพื้นที่กว้างถึง 840 ตารางกิโลเมตร ซึ่งผิดจากที่ซีนุกได้อ้างไว้ในตอนแรกว่าเหตุดังกล่าวทำให้น้ำมันปนเปื้อนน้ำทะเลเพียง 200 ตารางกิโลเมตร

ขณะนี้สำนักงานแห่งรัฐฯกำลังดำเนินการสอบสวนและอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทธุรกิจน้ำมันข้ามชาติมะกัน ConocoPhillips ซึ่งถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ในโครงการขุดเจาะบ่อน้ำมันเผิงไหล 19-3 ที่อ่าวปั๋วไห่ โดยซีนุกถือหุ้นร่วมอีก 51 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ทั้งสองบริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสื่อ เนื่องจากเพิ่งเปิดเผยข่าวน้ำมันรั่วเมื่อวันศุกร์(1 ก.ค.) ซึ่งล่วงเลยมาเป็นเวลาถึง 1 เดือน

ล่าสุดวันนี้(6 ก.ค.) บริษัทConocoPhillips ได้แถลงข่าวชี้แจงเหตุน้ำมันรั่ว ณ กรุงปักกิ่ง ว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทฯได้รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่ระบุนามแก่สำนักงานแห่งรัฐฯ ว่าพบน้ำมันรั่วไหลที่บ่อน้ำมันเผิงไหล 19-3 โดยต่อมาได้รับการยืนยัน(12 มิ.ย.)ว่า มีสาเหตุมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันบีรั่ว และในวันที่ 17 มิ.ย. บริษัทฯได้รายงานต่อสำนักงานฯว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันซีรั่วอีกจุด

หวัง ปิน รองผู้อำนวยการสำนักงานแห่งรัฐฯ เผยว่า “โทษขั้นสูงสุดสำหรับการทำให้น้ำทะเลปนเปื้อนมลพิษ คือการปรับเงิน 200,000 หยวน (ราว 940,000 บาท)”

นายหลี กล่าวว่า “สถานการณ์น้ำมันรั่วดังกล่าวได้รับการควบคุมตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา และขณะนี้แท่นขุดเจาะน้ำมันที่รั่วได้รับการซ่อมแซมแล้ว แต่ยังมีน้ำมันรั่วอยู่เล็กน้อยอยู่ในบริเวณดังกล่าว สำหรับปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่รั่วลงสู่ทะเลกำลังอยู่ระหว่างการประเมิน”

ขณะที่ซีนุก เผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่รั่วไหลได้รับการแก้ไขในเบื้องต้นแล้ว และในขณะนี้ภารกิจการทำความสะอาดและขจัดคราบน้ำมันปนเปื้อนน้ำทะเลใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

หลังเสร็จสิ้นการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า สาเหตุที่น้ำมันรั่วในครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. เกิดจากการเพิ่มแรงดันในแท่นขุดเจาะน้ำมันบี หลังจากที่มีการฉีดน้ำเข้าไปในบ่อน้ำมันระหว่างขุดเจาะ ขณะที่เหตุน้ำมันรั่วครั้งที่สองในวันที่ 17 มิ.ย. เกิดจากแรงสั่นสะเทือนในบ่อน้ำมัน ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันซีรั่ว

ทั้งนี้ ซีนุก บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน(China National Offshore Oil Corporation - CNOOC) ได้บรรลุข้อตกลงร่วมทุนกับบริษัทธุรกิจน้ำมันข้ามชาติมะกันConocoPhillips ดำเนินโครงการขุดเจาะน้ำมันในอ่าวปั๋วไห่ บริเวณมณฑลซานตง โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันถึงวันละ 160,000 บาร์เรล

สื่อจีนและกรีนกรุ๊ปประณามเหตุปิดข่าวน้ำมันรั่ว

ในบทบรรณาธิการของโกลบอลไทมส์ได้วิจารณ์อย่างหนักโดยระบุว่า สำนักงานแห่งรัฐฯ ปกป้องบริษัทซีนุกเหมือนไข่ในหินที่ไม่กล้าแตะ ขณะที่ไชน่า เดลี เผยว่าซีนุกมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนรู้

กรีนพีซ องค์กรรณรงค์สิ่งแวดล้อมระดับโลก ได้วิจารณ์ซีนุกว่าไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนเหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลบริเวณเมืองต้าเหลียนเมื่อปีที่ผ่านมา(2553) ซึ่งในครั้งนั้นคาดว่ามีน้ำมันดิบมากถึง 60,000 - 90,000 ตัน ไหลลงสู่แม่น้ำแยงซี หลังจากท่อส่งน้ำมันดิบ 2 ท่อที่ท่าเรือซินกังในเมืองต้าเหลียนของปิโตรไชน่า บริษัทรัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่อีกราย เกิดระเบิดขึ้นและทำให้น้ำมันรั่วไหลออกมา

หลี่ เหยียน กล่าวกับเอเอฟพีว่า “บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ต้าเหลียนในปี 2553 ก็คือ บริษัทที่เกี่ยวข้องจะต้องเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างให้เร็วที่สุด เพื่อเร่งแก้ปัญหา แต่ดูเหมือนว่าซีนุกไม่สนใจ”

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้น ไชน่า เดลี รายงานว่า ทรัพยากรทางทะเลที่อยู่บริเวณเกาะหนานหวงเฉิง ในมณฑลซานตง ซึ่งอยู่ใกล้กับแท่นขุดเจาะน้ำมันดังกล่าว จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำมันที่รั่วไหลออกมา ขณะที่ชาวประมงท้องถิ่นเผยว่าน้ำมันที่รั่วลงสู่ทะเลจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล