xs
xsm
sm
md
lg

ยอดเกินดุลจีนฯ เดือนพ.ค. สูงถึง 13,050 ล้านเหรียญฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แรงงานจีนกำลังดูแลการขนส่งสินค้าลงเรือในท่าเรือเมืองอู่ฮั่น ทั้งนี้จีนมียอดเกินดุลการค้าสูงถึง 13,050 ล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. เทียบกับเดือนก่อนหน้า (ภาพเอเอฟพี)
เอเอฟพี - ยอดเกินดุลการค้าของจีนขยายตัวเพิ่มสูงถึง 13,050 ล้านเหรียญสหรัฐ ในดือนพ.ค.จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมูลค่าการส่งออกทุบสถิติสูงสุด

ยอดเกินดุลการค้าเป็นประเด็นปัญหาในการค้าระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งขาดดุลให้จีนกว่า 11,400 ล้านดอลลาร์ ในเดือนเม.ย. แม้ว่าจะน้อยว่าคำทำนายของดาวโจนส์นิวส์ไวร์ส ที่ประเมินไว้ที่ 18,600 ล้านดอลลาร์ก็ตาม

กรมศุลกากรจีนเผยแถลงการณ์วันนี้ (10 มิ.ย.) ว่า การส่งออกของจีนเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 19.4 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี มีมูลค่าถึง 157,160 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าสูงทุบสถิติหากคิดเป็นรายเดือนเทียบกับเดือนที่ผ่าน ๆมา

อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าก็เพิ่มขึ้นถึง 28.4 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้า มีมูลค่า 144,110 ล้านดอลลาร์

ในเดือนเม.ย. การส่งออกเพิ่มขึ้น 29.9 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 155,700 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 21.8 เปอร์เซ็นต์ มีมูลค่า 144,300 ล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังเข้มแข็งมาก จึงไม่ต้องกังวลว่ามหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับสองของโลกจะมีภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยแต่อย่างใด

ไบรอัน แจ๊คสัน นักยุทธศาสตร์อาวุโสจากรอยัลแบ้งก์ ออฟ แคนาดา ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี ว่า “ผมยังคิดภาพรวมว่า เรากำลังมองเห็นการปรับตัวในการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนให้โตแบบกลาง ๆ ทำให้ผมตระหนักว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่ย่ำแย่แบบเฉียบพลัน”

เคน เผิง นักเศรษฐศาสตร์ประจำซิตี้กรุ๊ป เผยว่า การเติบโตอย่างช้า ๆ นี้เราจะเห็นค่าเงินจีนแข็งค่าขึ้นแบบค่อย ๆ ก้าวไปทีละนิด

ทั้งนี้รัฐบาลจีนยังคงคุมเข้มการขึ้นค่าเงินหยวน แม้ว่าจะสัญญาเมื่อปลายเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วว่า จะปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่อดอลลาร์เป็นไปอย่างเสรี

นักวิเคราะห์แย้งว่า เงินหยวนยังคงอ่อนค่าเกินจริงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้จีนได้รับประโยชน์จากการส่งออกสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม

เมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย.) ธนาคารกลางของจีนกำหนดค่ากลางเงินหยวน ไว้ที่ 6.4853 ต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงกว่าเมื่อวันพฤหัสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 6.4830 หยวน ต่อดอลลาร์

จีนได้งัดมาตรการสารพัดชนิดมาคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ซึ่งเติบโต 9.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปี 2554 ซึ่งผู้นำของจีนก็กำลังกังวลว่า เงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องและราคาบ้านและอาหารที่ไม่มีวี่แววว่าจะต่ำลง จะไปกระตุ้นให้เกิดความไม่สงบในสังคมจีน

จีนได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคาร และให้ธนาคารสำรองเงินฝากในคลังไว้ พร้อมกับเข้มงวดการปล่อยกู้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น