เอเยนซี - เจ้าหน้าที่ของกิจการรถไฟกล่าววันที่ 11 พ.ค.ว่า วันนี้ ได้เริ่มทำการทดสอบรถไฟความเร็วสูงสาย ปักกิ่ง - เซี่ยงไฮ้แล้ว โดยจะทำการทดสอบระบบเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก่อนที่จะเดินรถอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมิถุนายนตรงตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2551
เช้านี้ขบวนรถไฟความเร็วสูงขบวนแรกที่ประเดิมการทดลอง ได้ออกจากสถานีรถไฟหงฉียวในนครเซี่ยงไฮ้ เวลา 8.45 น. เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยขบวนรถไฟความเร็วสูงทดลองวิ่งระหว่างเส้นทางปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ในวันนี้ รวม 9 เที่ยว ไปจนถึงเวลา 17.05 น. โดยมีขบวนรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ล่าสุด CHR380A เข้าร่วมการทดลองด้วย สำหรับขบวนรถฯที่วิ่งเร็วที่สุด จอดเพียงสถานีเดียว ทำเวลา 4 ชั่วโมง 48 นาที
รายงานข่าวอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ฯ ว่า รถไฟความเร็วสูงสายนี้ ช่วยย่นเวลาการเดินทางระหว่างปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ระยะทาง 1,318 ก.ม. ที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 10-12 ชั่วโมง เหลือเพียง 5 ชั่วโมง โดยจะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 300 ก.ม. ต่อชั่วโมง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการที่กระทรวงรถไฟ ได้แถลงก่อนหน้านี้ ถึงการกำหนดพิกัดความเร็วสูงสุดของรถไฟฯ ไว้ไม่ให้เกินกว่า 350 ก.ม. ต่อชั่วโมงเท่านั้น
รถไฟความเร็วสูงสายล่าสุดนี้ เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2551 การก่อสร้างได้ดำเนินไปตามกำหนด สามารถวางรางท่อนสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 และจะสามารถเปิดให้บริการในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2554 ตรงตามกำหนดที่ตั้งไว้แต่แรก
สำหรับความเร็วที่ใช้นั้น นาย หวัง หย่งปิง โฆษกประจำกระทรวงรถไฟ กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า การตัดสินใจลดความเร็วเป็นไปเพื่อความปลอดภัย และลดต้นทุนซึ่งมีผลต่อการลดราคาค่าโดยสาร โดยจะได้มีการประกาศค่าโดยสารอัตราใหม่ในเร็วๆ นี้ เพราะได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม รถไฟความเร็วสูงสายต่างๆ อาทิ ปักกิ่ง - เทียนจิน ยังคงวิ่งด้วยอัตราความเร็วสูงสุดที่ 350 ก.ม.ต่อชั่วโมงเช่นแรกเริ่ม
รายงานข่าวยังกล่าวว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายเซิง ก่วงจู่ รัฐมนตรีกระทรวงรถไฟ ได้ลงนามร่วมกับ นายหลี่ เซิงหลิน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม เพื่อร่วมมือพัฒนาระบบขนส่งเชื่อมทางทะเลกับ ทางรถไฟ โดยมุ่งหมายที่จะรองรับการขนถ่ายสินค้าโดยตรงระหว่างรถไฟและเรือบรรทุกสินค้า เพื่อลดภาระต้นทุนการขนส่งของประเทศ ซึ่งข้อมูลของสหพันธ์พลาธิการ และจัดซื้อแห่งชาติจีน (The China Federation of Logistics and Purchasing) ระบุว่า มูลค่าของการขนส่งของประเทศเมื่อปีที่แล้ว มีสัดส่วนมากถึง ร้อยละ 18 ของจีดีพี