เวิลด์แบงก์ติงโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของจีน

เนชันแนลจีโอกราฟิก - ผลการศึกษาของธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ระบุ ลำพังความพยายามในการคิดค้นพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้จีนเกิดระบบการขนส่ง ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนได้

ในรายงานผลการศึกษาว่าด้วยโครงการรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน ( New Energy Vehicle (NEV) Program) ซึ่งPRTM บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารทำให้กับธนาคารโลก และเผยแพร่เมื่อวันพุธ (20 เม.ย.) ได้ชื่นชมโครงการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีน แต่ระบุด้วยว่าสิ่งนี้ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า จีนจะเกิดระบบการขนส่ง ที่ยั่งยืนในระยะยาวอย่างแท้จริง

ในถ้อยแถลงเกี่ยวกับรายงานผลการศึกษาฉบับนี้ของนาย Ede Ijjasz ผู้จัดการฝ่ายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธนาคารโลกในจีนและมองโกเลีย ได้ระบุถึงโครงการลงทุนด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวน15,000 ล้านดอลลาร์ของจีนว่า เป็นสิ่งที่น่าทึ่ง

อย่างไรก็ตาม ด้านนายShomik Mehndiratta ผู้เชี่ยวชาญพิเศษอาวุโสด้านการขนส่งประจำหน่วยพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับจีนและมองโกเลียของธนาคารโลก และเป็นผู้ดูแลควบคุมการศึกษาชิ้นนี้กล่าวว่า บรรดานายเทศมนตรีของจีนกำลังทำ "สิ่งที่พวกนายกเทศมนตรีในสหรัฐฯ ทำกันมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ1960" กล่าวคือพยายามดำเนินการ ที่เอื้อต่อการเพิ่มจำนวนรถยนต์ ด้วยการก่อสร้างถนนและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รองรับ

นาย Mehndiratta ยังระบุว่าสำหรับภารกิจของเขานั้นได้แก่การช่วยจีนปรับปรุงการขนส่ง ซึ่งมุ่งให้ประชาชนหันมาสัญจรด้วยการเดิน, การขี่จักรยาน และการขนส่งมวลชน โดยเป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือจะมีวิธีแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างไร
นอกจากนั้น นาย Mehndiratta ยังเตือนด้วยว่า ขณะนี้กำลังเกิดมีความคิดที่แพร่หลายในจีนว่า "เทคโนโลยีคือคำตอบสำหรับทุกสิ่ง" เหมือนที่ชาวอเมริกันเชื่อกันเมื่อ 50 ปีก่อน และจีนไม่ควรมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนเป็นยาแก้สารพัดโรคมากจนเกินไป แต่ควรมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงสิ่งหนึ่งของระบบ ซึ่งประกอบด้วยรูปแบบการขนส่งต่าง ๆ ที่ปลอดจากรถยนต์

รายงานการศึกษาฉบับนี้ชี้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ามิได้ช่วยแก้ปัญหาความหนาแน่นของรถในเมือง , การขยายตัวของเมือง, การใช้ที่ดินอย่างไร้ประสิทธิภาพ และปัญหาอื่น ๆ ที่สืบเนื่องจากการมีรถยนต์ส่วนตัวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ ซึ่งเสียบปลั๊กไฟเพื่ออัดพลังงาน หรือรถยนต์ที่ใช้แก๊สก็ตามที

รายงานการศึกษาของธนาคารโลกยังระบุด้วยว่า ปัญหาท้าทายใหญ่สุดที่จีนกำลังเผชิญก็คือการผลิตกระแสไฟฟ้าในปัจจุบันบนแดนมังกรกำลังปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูง นอกจากนั้น การคงอยู่ของเหมืองถ่านหิน ซึ่งมีช่วงอายุยาวนานย่อมหมายถึง
การผลิตกระแสไฟฟ้าในจีนน่าจะยังคงก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกต่อไปอีกด้วย

ดังนั้น รายงานระบุว่า จำเป็นต้องมีการพัฒนากรอบการทำงานขึ้นมาใหม่ เพื่อให้จีนได้ตระหนักถึงข้อได้เปรียบจากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยนโยบายส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีนส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลงก็จริง และได้ประโยชน์ในแง่พลังงานและเศรษฐกิจแบบยั่งยืน แต่ยังไปไม่ถึงขั้นการลดก๊าซเรือนกระจก และมลพิษในอากาศในเมืองได้อย่างแท้จริง