เอเอฟพี - ผู้แทนจากไต้หวันและแผ่นดินใหญ่พบปะกัน เมื่อวันอังคาร (22 ก.พ.) เพื่ออภิปรายถึงข้อสัญญาทางการค้าทั้งหลายที่ได้กระตุ้นปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองฟากของช่องแคบไต้หวันให้คึกคักอย่างไม่เคยมีมาก่อน และในวันนี้ (23 ก.พ.) ผู้แทนเจรจาระดับสูงจากแผ่นดินใหญ่ก็ได้เดินทางมาถึงไต้หวันแล้ว เพื่อเจรจาธุรกิจในระดับต่อไป
การเจรจาครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลงกรอบโครงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ECFA)
ทั้งนี้ การเจรจาในครั้งนี้จัดขึ้นที่เมืองชุนลี่ ทางเหนือของไต้หวัน โดยในช่วงแรกผู้แทนฯ ได้ตกลงกันจัดตั้งกลุ่มทำงานขึ้นมา 6 กลุ่ม และอนุญาตให้สมาคมการค้าและอุตสาหกรรมของทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนตัวแทนกันได้
เหลียง กั๋วซิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีเศรษฐกิจของไต้หวัน และผู้นำการเจรจาในครั้งนี้บอกกับนักข่าวในช่วงเย็นของการพบปะ ว่า “การประชุมวันนี้มีเป้าหมายเพื่อกำหนดกรอบโครงสำหรับการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ และบรรยากาศการประชุมก็เปิดเผยตรงไปตรงมา”
ส่วนผู้แทนทางฝั่งจีนได้แก่ เจียง เจิงเหว่ย ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีคลังของแผ่นดินใหญ่ แถลงว่า “การแลกเปลี่ยนตัวแทนสำนักงานของจีนและไต้หวัน จะช่วยให้สัมพันธ์เศรษฐกิจทั้งสองเป็นปรกติ”
กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาทำงาน 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้า กลุ่มบริการและกลุ่มแก้ไขความขัดแย้ง ซึ่งสามกลุ่มนี้ก็คาดว่าจะได้จัดประชุมพบปะครั้งแรก ในเดือนถัดไป ขณะที่อีก 3 กลุ่มจะจัดการเรื่องการพิทักษ์การลงทุน ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและภาษีศุลกากร ตามลำดับ
เหลียงกล่าวว่า “การปกป้องการลงทุน” ควรจะเป็นประเด็นหลักในการเจรจาครั้งต่อไป ซึ่งจะถือว่าเป็นครั้งที่ 7 ตั้งแต่จัดการพบปะครั้งแรกเมื่อปี 2551
ในวันนี้ (23 ก.พ.) เฉิน อวิ๋นหลิน นำคณะผู้แทนจีนพร้อมด้วยบริษัทจีนอีกประมาณ 20 แห่ง นั่งเครื่องบินมาแตะพื้น ณ สนามบินใกล้กรุงไทเป ท่ามกลางระบบความปลอดภัยแน่นหนา
เฉิน ดำรงตำแหน่งประธานองค์กรฟื้นสัมพันธ์จีนไต้หวัน ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งทางการของแผ่นดินใหญ่ ได้กำหนดการเจรเจาทางธุรกิจกับไต้หวัน และจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ณ กรุงไถเป่ย ในวันนี้ และจะทำการเจรจาในวันถัดไป
ไต้หวันและจีนต่างแยกกันจัดตั้งรัฐบาลปกครองตนเอง หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองเมื่อปี 2492 แต่จีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่รอการรวบรวม และอาจใช้กำลังถ้าจำเป็น
หลังจากที่มีการสานสัมพันธ์อบอุ่นมากขึ้น การค้าระหว่างแผ่นดินใหญ่-ไต้หวันก็เพิ่มขึ้นถึง 36.9 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 145,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สัมพันธ์ระหว่างชอบแคบไต้หวัน ค่อย ๆ พลิกฟื้นขึ้นมา หลังจากหม่า อิงจิ่วแห่งพรรคก๊กมินตั๋ง ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไต้หวันเมื่อปี 2551 ซึ่งได้ให้สัญญาว่าจะฟื้นสัมพันธ์ทางการค้าและการท่องเที่ยวกับแผ่นดินใหญ่