เอเยนซี - เพียงวันเดียวหลังจากนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา กล่าวสุนทรพจน์ให้รัฐบาลจีนยุติระบบเซ็นเซอร์ ไมโครบล็อก Sina ของจีนก็ตอบโต้ด้วยการบล็อกคำค้นที่เกี่ยวกับ “ฮิลลารี คลินตัน” หรือ “ฮิลลารี” ทันที
ไมโครบล็อก Sina ของจีน ซึ่งให้บริการคล้ายทวิตเตอร์ ได้เริ่มบล็อกคำค้น “ฮิลลารี” เมื่อเช้าวันพฤหัส (17 ก.พ.) โดยข้อความในไมโครบล็อกระบุ “สืบเนื่องจากกฎหมาย ข้อบังคับและนโยบายด้านความมั่นคงของจีน ผลการค้นหาคำที่เกี่ยวกับ “ฮิลลารี” จะไม่ปรากฏ” ซึ่งปกติหน่วยเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนจะสั่งให้เว็บไซต์ทั้งหลาย ลบเนื้อหาที่เป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองออกเป็นประจำ
นางฮิลลารี คลินตัน ได้กล่าวสุนทรพจน์ช่วงต้นสัปดาห์นี้ ว่า หากระบบเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตจีนยังคงเป็นเช่นนี้ จีนจะต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว ซึ่งนั่นก็คือความไม่สงบในสังคมอย่างแน่นอน
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่งต้องการพูดคุยถึงเรื่องสุนทรพจน์ของนางฮิลลารีในไมโครบล็อกกับจีน หลังจากข้อความสุนทรพจน์ของเธอถูกหน่วยเซ็นเซอร์ของรัฐบาลลบออกอย่างรวดเร็ว
สถานทูตสหรัฐฯ ประจำปักกิ่ง เผยแถลงการณ์ของทูตฯ จอน ฮันท์สแมน ระบุว่า “พวกเราผิดหวังที่เว็บไซต์จีนบางเว็บได้ตัดสินใจลบข้อความคำอภิปรายของนางคลินตัน เกี่ยวกับเรื่องการแสดงความเห็นอย่างเสรีในโลกไซเบอร์”
ก่อนการเซนเซอร์คำว่าฮิลารี เพียงไม่กี่สัปดาห์ ไมโครบล็อก Sina และไมโครบล็อกอื่น ๆ ของจีนได้เซ็นเซอร์คำค้น “อียิปต์” หลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอียิปต์ปะทุขึ้นเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เนื่องจากทางการจีนหวั่นว่าจะเป็นตัวอย่างให้เกิดกระแสเรียกร้องในจีนบ้าง
ฟีลิม ไคน์ นักวิจัยด้านเอเชีย ประจำศูนย์ติดตามสิทธิมนุษยชนนิวยอร์ก ชี้ว่า จีนเข้มงวดต่อข่าวและข้อมูลที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุความไม่สงบในประเทศ “หน่วยเซ็นเซอร์ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง เพื่อต้องการให้แน่ใจว่า เขาสามารถควบคุมโลกอินเทอร์เน็ตได้ รัฐบาลจีนกำลังเดินหน้าการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างภาพความสามัคคี และก็เชื่อได้เลยว่า ปฏิบัติการนี้ยังคงมีต่อไปในระยะยาวอย่างแน่นอน”
ประเทศจีนปัจจุบันถือว่ามีพลเมืองชาวเน็ตมากสุดในโลก ราว 457 ล้านคน แต่ประเทศจีนก็ลงทุนด้านการเซ็นเซอร์ขนานใหญ่เพื่อตรวจสอบเว็บไซต์ที่เผยประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง และบล็อกบางเว็บไซต์หากจำเป็น ทั้งนี้ในปี 2552 จีนบล็อกเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ หลังจากเกิดเหตุจลาจลที่ซินเจียง จนกระทั่งปัจจุบันนี้สองเว็บไซต์นี้ก็ยังคงใช้การไม่ได้ในโลกไซเบอร์ของจีน
ในเดือน พ.ย. 2553 Sina รายงานว่า มีผู้เข้าใช้บริการที่เป็นสมาชิกกว่า 50 ล้านคน ซึ่งคาดการณ์ว่า Sina จะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 100 ล้านคนภายในครึ่งปี 2554