ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม นางเหวียนเฟืองงา (Nguyen Phuong Nga) กล่าวว่า ชาวอเมริกันผู้หนึ่งซึ่งเวลาต่อมา ได้ทราบว่าคือ นายคริสเตียน เมอร์ชันต์ (Christian Merchant) เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอย ได้ประพฤติตนไม่เหมาะสม มีปากเสียงและผลักชาวเวียดนาม เหตุเกิดในนครเหว (Hue) ทางภาคกลางของประเทศ
โฆษกของเวียดนาม กล่าวถึงเหตุการณ์ ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ทำการประท้วงอย่างรุนแรงสัปดาห์ที่แล้ว
สหรัฐฯ แถลงในวันพฤหัสบดี 6 ม.ค.2554 ว่า ได้ทำการประท้วงต่อเวียดนามหลังจากนักการทูตของตนคนหนึ่งถุูกกีดกันและถูกควบคุมตัว ขณะเดินทางไปเยี่ยมเยือน คุณพ่อเหวียนวันหลี (Nguyen Van Ly) นักบวชนิกายคาทอลิกที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับทางการคอมมิวนิสต์ ที่บ้านพัก โดยเหตุเกิดก่อนหน้านั้่น 1 วัน
“นี่เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก” นายไมเคิล มิคาลัก (Michael Michalak) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เปิดแถลงในวันพฤหัสบดี โดยย้ำว่า ความตกลงของที่ประชุมกรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตนั้น ระบุไว้ชัดเจนให้ประเทศต่างๆ ต้องอำนวยความสะดวกอย่างยิ่งแก่บรรดาทูตานุทูตที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละประเทศ
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า นักการทูตสหรัฐฯ ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเวียดนาม กีดกันมิให้เข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง เพื่อเยี่ยมสาธุคุณหลี ที่นัดแนะกันไว้ล่วงหน้า
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม แถลงในวันเดียวกันว่า รัฐบาลมีนโยบายแน่แน่วในการเอื้ออำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่นักการทูตของมิตรประเทศ ตามข้อตกลงกรุงเวียนนาปี 1961 แต่ในขณะเดียวกันนักการทูตประเทศต่างๆ ก็มีพันธะต้องเคารพกฎหมายของประเทศเจ้าบ้านด้วย
โฆษกกล่าวว่า เจ้าหน้าที่เวียดนามให้ความสนใจต่อเหตุการณ์วันที่ 5 ม.ค.2554 ที่ถนนฟานดี่งฟุง (Phan Dinh Phung) ในนคราเหว จ.เถือะเทียนเหว (Thua Thien Hue) ซึ่งมีชาวต่างชาติผู้หนึ่งใส่สูท ถือกระเป๋าเอกสาร และตะโกนทั้งเป็นภาษาอังกฤษและภาษาเวียดนาม ต่อหน้าชาวเวียดนามจำนวนหนึ่งที่รายล้อมอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่แผนกวิเทศสัมพันธ์ของนคร เข้าไปคลี่คลาย
ชาวต่างชาติคนดังกล่าวแนะนำตัวเองว่าเป็นนักการทูตของสถานทูตสหรัฐฯ และกล่าวว่า ตนเองมีสิทธิ์จะไปไหนมาไหนก็ได้ ทั้งผลักเจ้าหน้าที่เวียดนามออกไปให้พ้น ชาวต่างชาติผู้นี้ยังเดินฝ่าเข้าไปในกลุ่มชาวเวียดนามที่อยู่ใกล้เคียงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และแหวกทางออกไป
โฆษกเวียดนามกล่าวว่า สาถานการณ์เช่นนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของนครเหว ต้อง “เชิญ” ชาวต่างชาติซึ่งทราบในเวลาต่อมาว่า คือ นายเมอร์ชันต์ ไปยังสำนักงาน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ และเดินออกจากที่ทำการไป ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการ “สร้างความยุ่งยาก” ให้แก่เวียดนาม
อย่างไรก็ตาม กรณีเกิดขึ้นในท่ามกลางความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ระหว่างสองประเทศที่เคยเป็นศัตรูกันอันยาวนาน ซึ่งยุติลงโดยฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือกับกองโจรเวียดกงในภาคใต้ได้ชัยชนะในปี 2518 และ รวมเวียดนามเหนือกับใต้เข้าด้วยกันในปีถัดมา
นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนเวียดนามมาแล้ว 2 ครั้ง และประกาศจุดยืนที่จะให้กรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างจีน กับเวียดนามและอีกหลายประเทศในอาเซียน ต้องแก้ไขด้วยการประชุมเจรจาแบบพหุภาคี ซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ ที่มีผลประโยชน์อยู่ในภูมิภาคนี้ด้วย