ASTVผู้จัดการออนไลน์ – เทศกาลแห่งการท่องเที่ยวนครเหว 2555 เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ ด้วยพิธีที่จัดอย่างโอฬารตระการตา และเต็มไปด้วยสีสัน ภายในบริเวณพระราชวังเก่า ที่เพิ่งจะฟื้นฟูบูรณะแล้วเสร็จ มีนางงาม นางแบบ นักร้อง นักแสดง และบุคคลในวงการบันเทิงจากทั่วสารทิศเข้าร่วม และเป็นพิเศษสุดในนี้ไม่มีอะไรเกิน มหกรรมอ๋าวหย่าย ชุดประจำชาติของสาวๆ และสตรีชาวเวียดนาม
เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อสิ้นเสียงโฆษกประกาศชื่อ “โตน-หนือ-นา-อวี” (Tôn Nữ Na Uy) บนเวทีในคืนวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา
นาอวี หรือ “เจ้าหญิงน้อยแห่งนคราเหว” หรือ “คุณผู้หญิงนาอวี” ตามที่สื่อในเวียดนามเรียกขาน สวมอ๋าวหย่ายประยุกต์สีขาวบริสุทธิ์ ตัดด้วยลายฉลุรูปดอกบัวและก้านบัว ทำให้สวยโดดเด่นสมดั่งฉายา เธอออกเดินบนเวทีในอ๋าวหย่ายหลากสี และลวดลายอีกหลายชุด ทั้งหมดปักลวดลายก้านบัวกับดอกบัว อันเป็นดอกไม้ประจำชาติ อ๋าวหย่ายแสนสวยทั้งหมดออกแบบ และตัดเย็บโดยดีไซเนอร์ชื่อดังของประเทศ
นาอวีเป็นหนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่เข้าถึงรอบ 20 คน ในการประกวดมิสเวียดนาม 2553 ซึ่งการประกวดรอบสุดท้ายจัดขึ้นในเดือน ส.ค. ที่อ่าวฮาลอง จ.กว๋างนีง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
แม้จะไม่ได้รางวัลอะไรกลับนครเหว แต่สาวเลือดสีน้ำเงินเข้มข้นก็สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมทางบ้าน และผู้ชมที่เฝ้าชมสดในหอประชุมใหญ่โรงแรมรีสอร์ตริมอ่าวมรดกโลก ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ประกวด
งานแฟชั่นอ๋าวหย่ายที่ผ่านมา จึงเต็มไปด้วยสาวสวยที่เคยเข้าประกวดมิสเวียดนามรุ่นเดียวกันกับเธอ ซึ่งรวมทั้งดั่งหง็อกเฮิน (Đặng Thị Ngọc Hân) มิสเวียดนาม 2553 กับเจิ่นถิถวี่ซวุง (Trần Thị Thùy Dung) มิสเวียดนาม 2551 ด้วย
เกิดในครอบครัวขุนนางเก่าที่สืบเชื้อสายราชวงศ์เหวียน ซึ่งเคยรวมเวียดนามให้เป็นหนึ่งเดียว และปกครองประเทศนี้เป็นเวลากว่า 200 ปี นาอวีได้รับการอบรมบ่มเพาะแบบในรั้วในวัง เป็นต้นแบบหญิงสาวที่มีบุคลิกนุ่มนวล พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ประทับใจสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น และได้รู้จักพูดคุยด้วย
เผยแพร่อ๋าวหย่าย VietnamExpress
ตอนเรียนหนังสือเจ้าหญิงน้อยเป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่ง ปัจจุบัน เป็นประธานชมรมเผยแพร่ชุดอ๋าวหย่ายในนครเหวบ้านเกิด เคยพาพี่สาวแอบไปสมัคร และเข้าประกวด Miss Vietnam 2010 ทั้งๆ ที่ตัวเองสูงแค่ 165 ซม. แต่ก็เข้าไปจนถึงรอบ 20 คน ตอนนี้อายุ 21 แล้ว สูงขึ้นอีกเล็กน้อย ในภาพข้างล่างนี้ดูตัวเล็กนิดเดียวเมื่อถ่ายคู่กับเจิ่นถิถวี่ซวุง (Trần Thị Thùy Dung) มิสเวียดนาม 2551 แต่ “คุณผู้หญิง” ได้ปวารณาตัวเองจะทำงานส่งเสริมชุดประจำชาติของสตรีเวียดนามให้แพร่าหลายไปทั่วโลก |
2
3
4
5
6
นอกจากนั้น ยังเป็นน้องคนเล็กของครอบครัว มีพี่ชายรูปร่างบึกบึนอีก 3 คน คอยดูแลน้องสาวอย่างใกล้ชิด นี่กระมังเธอจึงถูกสื่อเรียกเป็น “เจ้าหญิงน้อย”
นาอวีให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตอนไปสมัครประกวดมิสเวียดนามนั้น เธอแอบไปสมัครโดยไม่บอกครอบครัว แต่ไปชวนพี่สาวคือ เล-หญา-อเวียน (Tôn Nữ Lê Nhã Uyên) ที่เป็นญาติสนิทไปด้วย และฝ่าด่านเข้าถึงรอบ 20 คนเช่นกัน ตอนหลังจึงได้ไปสารภาพต่อคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งแปลกใจมาก เพราะว่าทุกคน รวมทั้งพี่ๆ ต่างกระตือรือร้นให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง
เธอสูงเพียง 165 ซม.เท่านั้น พ่ายผู้สมัครคนอื่นหลุดลุ่ยในด้านนี้ แต่ด้วยบุคลิกกับความสามารถด้านการแสดงออกได้ทำให้เข้าถึงรอบ 20 คนได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การไปประกวดทำให้มีเพื่อนมากขึ้น และรู้จักโลกกว้างออกไปอีก
นาอวียังเป็นเด็กเรียน เข้าโรงเรียนเร็วและเรียนเก่ง เกิดปี 2534 ตอนแอบไปประกวดนางงามอายุ 19 กำลังชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์นครเหว "คุณหญิงน้อย" เรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ส่วนเลหญาอเวียนพี่สาวซึ่งอายุมากกว่าเธอ 3 ปี จบไปก่อน และแต่งงานในปลายปี 2553 ปัจจุบันติดตามสามีไปอยู่นครโฮจิมินห์ เธอมีครอบครัวที่อบอุ่นมั่นคง และมีความสุขกับการเป็นแม่บ้าน
ส่วนนาอวี หลังการประกวดมิสเวียดนามปีนั้นก็ไม่ได้ปรากฏตัวในวงการอีก แต่วุ่นวายกับร้านอาหารของครอบครัวซึ่งเธอเป็นผู้จัดการและบริหารเองทั้งหมด
ร้านอาหาร "นครเหว" ปัจจุบันมีหลายสาขาทั้งใน จ.เถื่อเทียนเหว (Thừa Thiên-Huế) ในกรุงฮานอยและในโฮจิมินห์ นาอวีกล่าวว่ากำลังจะเปิดอีกสาขาในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสาขาแรกในต่างแดนอีกด้วย
พี่สาวแสนสวย VietnamExpress
เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของครอบครัวที่ต่อสายตรงจากบรรพบุรุษแห่งราชวงศ์เหวียน มีพี่ชาย 3 คน แต่สนิทสนมกันมากกับ เลหญาอเวียน (Lê Nhã Uyên) แม้จะเป็นเพียงญาติสนิทแต่ก็ใกล้ชิดกันแบบพี่สาวแท้ๆ แต่สองปีให้หลังนี้ต้องอยู่โดดเดี่ยวหลังจากพี่สาวแต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามีที่นครโฮจิมินห์ แต่เจ้าหญิงน้อยแห่งนครเหวยังคงบริหารร้านอาหารที่บ้านเกิด และยังทำงานช่วยเหลือสังคมต่อไปเช่นเดิม. |
7
8
9
10
นอกจากธุรกิจส่วนตัวแล้ว นาอวียังเป็นอะไรอีกหลายอย่าง ถึงแม้จะมีเชื้อพระวงศ์ แต่เธอได้ออกทำงานเพื่อการกุศลเสมอมาที่นครเหวบ้านเกิด ตอนเรียนชั้นประถม และมัธยมก็เป็นหัวหน้าชั้นมาตลอด ปัจจุบัน ยังเป็นประธานชมรมส่งเสริมและเผยแพร่อ๋าวหย่ายอีกด้วย
"คุณแม่บอกว่าอ๋าวหย่ายเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดสำหรับสตรีเวียดนาม ไม่ว่าจะไปที่ไหนในโลกนี้หญิงเวียดนามจะต้องมีอ๋าวหย่ายติดไปด้วยเสมอๆ..”
“คุณแม่เคยเล่าให้ฟังว่า ชุดอ๋าวหย่ายในวังเก่านั้นสวยงามมาก หลายชุดตัดเย็บด้วยผ้าไหมดิ้นทอง ซึ่งเป็นของล้ำค่ามาก และคงจะหาดูไม่ได้อีกแล้ว” นาอวีให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรสเมื่อเร็วๆ นี้
เจ้าหญิงน้อยบอกว่า ภูมิใจที่เกิดมาในครอบครัวเลือดสีน้ำเงิน สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอต้องพยายามอนุรักษ์วัฒนธรรมล้ำค่าของชาวเวียดนามแต่โบราณกาลเอาไว้ให้เป็นมรดกตกทอดถึงชนรุ่นหลัง
เมื่อคอมมิวนิสต์เวียดนามใต้การนำของประธานโฮจิมินห์ขับไล่เข้าอาณานิคมฝรั่งเศสออกไปได้สำเร็จ และยึดอำนาจการปกครองประเทศ รัฐบาลใหม่ได้เชื้อเชิญให้บรรดาเจ้าหญิงเจ้าชาย เชื้อพระวงศ์ครอบครัวต่างๆ ให้เป็นพลเมืองปกติธรรมดาเช่นชาวเวียดนามทั่วไปอีกหลายสิบล้านคน
แต่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ก็ยังยินยอมให้ใช้ บรรดาศักดิ์ “โตนหนือ” นำหน้าชื่ออยู่ต่อไป หรือจะใช้นามสกุล “เหวียน” หรือ “เล” นำหน้าชื่อแบบชาวเวียดนามทั่วไปก็ได้.