บางคนบอกว่า เธอไม่ใช่คนสวยที่สุด แต่ใบหน้าเรียวกลมแบบสาวพื้นบ้านเวียดนามขนานแท้ ไร้การศัลยกรรมกลับเปล่งประกายมีเสน่ห์เย้ายวนใจ ให้ “เหวียน ง็อก จีง” เป็นนางแบบที่คนทั่วเอเชียติดตามผลงานของเธอมากที่สุดคนหนึ่ง บ้างก็ว่านี่แหละของแท้และน่าสะพึงอารมณ์ยิ่งนัก เวลาเธอเปลื้องผ้าถ่ายแบบ ไม่น่าเชื่อว่า เธอจะยิ้มและให้สัมภาษณ์ทีมข่าว M - Lite ว่า ฉันรู้นะสำนวนที่ว่า “หน้ามัธยม นมมหาลัย” เป็นอย่างไร มีคนเรียกฉันแบบนี้ แต่ฉันก็ยังปลื้มใจกับสมญานามว่า “ตุ๊กตาหน้าเป็น” ...มารู้จักเธอจากบทสัมภาษณ์ต่อไปนี้
…........................................................
ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่นางแบบสาวชาวเวียดนาม จะบินมาถ่ายแบบที่เมืองไทย แต่ทางนิตยสาร MARS ก็ได้เชิญเธอบินตรงลัดฟ้ามาถ่ายแบบรับช่วงซัมเมอร์ที่จะมาถึงนี้ให้เมืองไทยได้เห็นความสดใสของสาวเวียดนามคนนี้ เธอได้เปิดโอกาสให้ M-Lite ได้เข้าไปพูดคุยกับเธออย่างเป็นกันเอง
1
มั่นใจเกินร้อย
“เหวียน ง๊อก จีง” เธอเข้าสู่บนเส้นทางแฟชั่นในเวียดนาม เมื่อครั้งที่เธออายุ 16 ปี ด้วยการย้ายตัวเองจากเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเข้าสู่นครโฮจิมินห์ เพื่อเข้าไปเรียนต่อทางด้านภาษาอังกฤษ และทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและตนเอง
เธอบอกว่าเมื่อวันหนึ่งเธอได้บังเอิญได้รับการติดต่อจากเจ้าของบริษัทแฟชั่นชื่อดังของเวียดนาม เพื่อถ่ายแบบแฟชั่นในชุดงานแต่งงาน ซึ่งเป็นผลงานการแบบแรกที่ทำให้เธอได้ก้าวอยู่บนเส้นทางนี้
“ตอนเป็นนางแบบชุดแต่งงานครั้งแรก ฉันตื่นเต้นมาก ที่ต้องใส่ชุดเพื่อเดินแฟชั่นโชว์ในฐานะนางแบบเป็นครั้งแรก เพราะนั่นคือความฝันของฉัน แต่ถึงฉันจะตื่นเต้นมาก ฉันก็มีความสุขมากนะ”
หลังจากงานเดินแบบชุดแต่งงาน เธอยังมีผลงานต่อมาเรื่อยๆ แม้ว่าจะยังไม่มีชื่อเสียงมากนักในช่วงแรกๆ ซึ่งงานต่อมาคือการถ่ายแบบชุดประจำชาติของเวียดนาม(อ๋าวหยาย) ชุดราตรี และจากนั้นก็สลัดเปลื้องผ้าทีละนิดให้กลายเป็นชุดบิกินี และเหลือเพียงชุดชั้นใน
เป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เมื่อครั้งที่ “ง๊อกจีง” เปลื้องผ้าถ่ายแบบ เดินแบบชุดชั้นใน จนกลายเป็นนางแบบที่ใจถึงยอมเปลื้องผ้า และชาวเวียดนามก็ให้ฉายาเธอว่า “ราชินีชุดชั้นใน”
“ที่หลายคนเรียกฉันว่า “ราชินีชุดชั้นใน” คงเป็นเพราะทุกครั้งที่ฉันถ่ายรูป ฉันมีรูปร่างที่ดี ผิวขาวเนียน อมชมพู มองแล้วเซ็กซี่ พูดง่ายๆ ก็คือ หุ่นของฉันหน้ามัธยมฯ นมมหา’ลัย (สำนวนที่เธอเข้าใจ) เลยล่ะ ทุกคนถึงได้เรียกฉันว่าเป็น ราชินีชุดชั้นใน”
“เมื่อไหร่ที่ฉันได้ใส่ชุดชั้นในถ่ายแบบหรือเดินแฟชั่น จะรู้สึกมั่นใจกว่าที่ฉันได้ใส่ชุดแต่งงาน ชุดราตรีซะอีก เพราะฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนเซ็กซี่ เวลาใส่ชุดชั้นในจึงทำให้ตัวเองมั่นใจในรูปร่างมากขึ้น”
คงเป็นเพราะความมั่นใจที่มาพร้อมกับรูปร่างที่เซ็กซี่ สะโพกพาย หน้าตาแลดูใสซื่อ และความตรงไปตรงมาจากเด็กเมืองเล็กๆ เข้าสู่ถนนสายแฟชั่นของนครโฮจิมินห์จนทุกวันนี้
2
มิสเวียดนามจากอเมริกา
สาวหุ่นเซี๊ยะแบบเธอ ถูกการันตีจากเวที “Miss Vietnam Content Global 2011” เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ 2011 ซึ่งเวทีดังกล่าวเธอคว้ารางวัลอันดับ 1 มาครอบครองได้สำเร็จ ถือว่าปีนี้เป็นปีพิเศษที่สาวเวียดนามแท้ อย่างเธอจะได้รับรางวัล
“ง๊อก จีง” เล่าให้ฟังว่าเธอมีเวลาเตรียมตัวเพื่อไปประกวดเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น เมื่อได้ยินข่าวมาว่ามีการรับสมัครเพื่อเข้าประกวด ก็ได้มีการเตรียมเครื่องแต่งกาย ทั้งชุดประจำชาติของสาวเวียดนาม ชุดว่ายน้ำ เพื่อเตรียมตัวไปประกวดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
การประกวดในครั้งนั้นไม่ได้ผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างการประกวดเธอมีอาการไม่สบายจนผู้จัดการและทีมงานของเธอต้องบอกให้ลาออกจากการประกวด แต่ด้วยความพยายามจึงทำให้เธอก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งได้
“ฉันมีความสุขและตื่นเต้นมากในตอนนั้น แต่ในเวลาเดียวกันช่วงที่ฉันกำลังประกวดอยู่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่สบายหนัก จนคิดอยากจะลาออกจากการประกวดเลยด้วย แต่ก็พยายามประกวดมาจนสิ้นสุดงาน จนฉันได้รับรางวัลอันดับ 1 ในการประกวดมิสเวียดนามที่สหรัฐฯ ในครั้งนั้น”
“ตอนนั้นไปรับรางวัลในฐานะนางงาม ฉันมีความสุขที่สุด เพราะจริงๆ แล้ว เวทีนี้ถึงแม้จะเป็นเวทีประกวดมิสเวียดนามก็จริง แต่คนส่วนใหญ่ที่ได้รับรางวัลมักจะเป็นสาวเวียดนามที่เป็นลุกครึ่งอเมริกันเท่านั้น แต่ปีนี้ฉันเป็นคนเวียดนามแท้ ที่ได้รับรางวัลจากการประกวด ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทที่ส่งฉันประกวดหวังเอาไว้เพียงแค่รางวัลรองลงมาเท่านั้น”
หลังจากเข้ารับรางวัลจากการประกวด เธอได้ร่วมกิจกรรม ภารกิจที่ต้องช่วยเหลือสังคมต่างๆ มากมาย เช่นการออกไปบริจาคเลือด ช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวให้ชาวเวียดนามได้รู้จักเธอมากขึ้น
“ฉันเพิ่งได้รับรางวัลมาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ส่วนใหญ่กิจกรรมที่ทำหลังจากได้รางวัลจะเป็นงานบริจาค เพราะฉันเป็นคนมีชื่อเสียง มีฐานะขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ให้แก่คนจน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกด้วย”
3
ปากกัดตีนถีบ
กว่าที่สาวสวยจะได้ก้าวมาเป็นนางแบบอย่างเต็มตัวอย่างทุกวันนี้ ชีวิตในวัยเด็กของ “ง๊อก จีง” ผ่านความรันทด ฐานะทางบ้านยากจนมาก่อน จึงทำให้เธอต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตนเอง และครอบครัวมาตลอด
เธอเล่าว่าคุณแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอเกิดได้เพียง 6 เดือน ในชีวิตวัยเด็กยากจน ลำบาก และเพราะครอบครัวยากจนและอยู่ในจังหวัดจ่าวีง (Tra Vinh) เมื่อโตขึ้นจึงออกเดินทางเข้าสู่นครโฮจิมินทร์ เพื่อไปช่วยเหลือพี่ๆ หางานทำและส่งเสียน้องๆ และคุณพ่อที่อยู่ทางบ้านอีกหลายคน
“ง๊อก จีง ” ก้าวสู่นครโฮจิมินห์เพื่อทำงานเป็นมาร์คกี้ ในโรงสนุ๊กแห่งหนึ่ง เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและส่งตนเองเรียนให้จบชั้นมัธยมศึกษา จนกระทั่งได้พบกับแมวมองจากโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง จึงทำให้เด็กสาวจากบ้านนอกก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นอย่างเต็มตัว
“ฉันอยู่มากับความยากจนมานานมาก นานจนฉันไม่อยากกลับเข้าไปสู่จุดนั้นอีกครั้ง และสิ่งที่วันนี้ที่ฉันเหลืออยู่คือ คุณพ่อกับคุณแม่ ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงที่ดูแลฉันมาตั้งแต่เด็ก
ฉันเกิดปี 2533 แค่เกิดมาก็ลำบากแล้ว คุณแม่ป่วยหนักตั้งแต่อุ้มท้องฉัน และเธอก็คลอดฉันก่อนกำหนด ซึ่งจะต้องมีใครคนนึงที่รอดชีวิตมาได้เท่าได้ ซึ่งแม่ของฉันเลือกที่จะให้ฉันเกิดขึ้นมา พ่อเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นหมอให้พ่อเลือก ซึ่งตอนนั้นพ่อก็เลือกฉันเพราะเป็นความต้องการของแม่”
ครอบครัวของเธอเป็นชาวนายากจน แม่เสียชีวิตตอนคลอดเธอ โดยแลกกับให้เธอได้เกิด คุณพ่อเลี้ยงดูมาคนเดียว พอโตขึ้นได้เห็นคุณพ่อปากกัดตีนถีบเลี้ยงดูน้องๆ เธอที่เกิดกับแม่คนใหม่
พ่อต้องเลี้ยงดูฉันด้วยตัวคนเดียวและอยู่ตามลำพังจนกระทั่งฉัน 6 เดือน จึงแต่งงานกับแม่เลี้ยงคนแรกของฉัน จนกระทั่งฉันอายุ 6 ขวบ แม่เลี้ยงก็ได้จากฉันไปอีกคน ทิ้งเพียงแค่น้องๆ ไว้ให้ดูแลอีก 3 คน จนฉันตอนนี้มีพี่น้องที่แม่คนเดียวกัน 3 คน รวมกับพี่น้องคนละแม่อีก 3 คน จึงต้องทำให้พ่อดูแลลูกๆ ถึง 6 คน ”
ตุ๊กตาบอกว่าพี่สาวและพี่ชายของเธอต้องออกเดินทางจากบ้านสู่โฮจิมินห์ เพื่อทำงานทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินที่จะต้องส่งกลับมาทางบ้าน แต่ก็ไม่ทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้นเลย ครอบครัวก็ยังเป็นหนี้สิน จนอายุ 16 ปี เธอจึงตัดสินใจเข้าสู่นครหลวงโฮจิมินห์อีกคนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และเป็นโอกาสดีมากที่เธอได้งานเดินแบบ แฟชั่น และสามารถสร้างฐานะให้ครอบครัวของเธอดีขึ้น
4
“ตุ๊กตา” แม่ข่าวฉาว
ตั้งแต่เด็กตุ๊กตามีความฝันว่าตนเองอยากเดินอยู่บนแคตวอล์ก อยากแต่งหน้า ทำผม แต่งชุดสวย เดินอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก และจะต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคนให้ได้
“ฉันอยากเป็นนักร้อง นางแบบ เพราะฉันชอบแต่งตัว แต่งหน้า ที่เวียดนามจะมีช่องรายการที่เกี่ยวกับการเดินแบบ แฟชั่น ฉันก็ได้เรียนรู้และศึกษาวิธีการเดินแบบ แต่งหน้า ทำผมด้วยตัวเองจากรายการทีวี ซึ่งในเวียดนามมีช่องรายการที่ชื่อว่า “แฟชั่นและชีวิต” ”
ด้วยพื้นหลังของครอบครัวบวกกับความทะเยอทะยาน จึงทำให้หลายๆ คนในสังคมออนไลน์ รุมด่ากรนเธอ ออกมาแฉเรื่องราวของตุ๊กตาว่าเธอไม่เหมาะสมกับการเข้าสู่จุดสูงสุดในการเป็นนางงาม และการดินแบบแฟชั่น
“เธอเปลี่ยนรถทุกวันเกิด”
“ควงหนุ่มไม่ซ้ำหน้า”
“จะรักหนูต้องจ่ายแพงนะ”
“หนูจะไม่แต่งงานกับคนจน”…
ประโยคเหล่านี้กลายเป็นคำพูดที่อาจจะออกมาจากปากแบบตรงไปตรงมาของตุ๊กตา กลายเป็นคำให้สัมภาษณ์ที่สะเทือนต่อความรู้สึก ทิ่มแทง เสียดใจของหลายๆ คน และกลายเป็นที่ฮือฮาและโกรธแค้นในสังคมออนไลน์
หลายคนมองว่าเธอ “นมโตแต่ไร้สมอง” บ้างก็บอกว่าเธอ “วัวลืมตีน” ชอบคุยโม้ โอ้อวด ไม่คิดให้ดีดีก่อนพูด วาจาโพล่งพลาง ทว่าสิ่งที่เธอพูดออกมา ยิ่งทำให้ได้รู้ว่าเหตุที่ทำให้เธอต้องถีบตัวเองออกมาจาสังคมยากจนและกว่าจะก้าวมายืนตรงจุดนี้ยากและลำบากมากเพียงใด
หลายครั้งที่เธอถูกแฉ ไม่ว่าจะด้วยวาจา หรือด้วยรูปภาพ ที่ออกมาในภาพปริศนาที่ชาวเวียดนามต่างสงสัยและคอนเฟิร์มว่าภาพสาวปริศนาเปลือยในโรงแรมหรืออพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งเป็นสาว “ตุ๊กตา” ราชินีชุดชั้นในอย่างแน่นอน
ภาพนี้ถูกแพร่ออกมาหลังจากที่ “ง๊อก จีง” ได้รับรางวัลจาการประกวด Miss Vietnam Content Global 2011 หญิงสาวในสภาพเปลือยกาย หลากหลายอิริยาบถ เมื่อนำเอามาเทียบกับรูปเก่าๆ แล้วยิ่งมั่นใจว่าต้องเป็นเธอ
สื่อทางเวียดนามเผยว่า แม้ว่าบางภาพในมุมเดียวกันนี้จะอยู่ในชุดเรียบร้อย แต่เมื่อสังเกตบรรยากาศโดยรอบแล้ว จึงเข้าใจกันว่าเป็นห้องสูทในโรงแรมแห่งหนึ่งของเวียดนามที่เธอถ่ายเก็บไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และยิ่งทำให้มั่นใจว่าต้องใช่ตุ๊กตา เมื่อนักท่องเน็ตมืออาชีพรายหนึ่งออกมาประกาศว่า เป็นภาพเมื่อครั้งที่“ง็อก จีง” ยังไม่มีชื่อเสียง และรับจ้างเป็นนางแบบ พริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์หลายครั้งในนครโฮจิมินห์
ไม่หมดเพียงแค่นั้น บรรดาเกจิ ปรมาจารย์ในโลกออนไลน์ยังออกมาบอกอีกว่า ภาพเหล่านี้ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน แต่เมื่อนำมาเทียบกันแล้วยิ่งรู้ได้เลยว่า ใช่แม่ “ตุ๊กตา” คนนี้แน่ๆ แม้ว่าเธอจะผ่านการศัลยกรรมมาแล้วก็ตาม
นอกจากนั้นภาพทุกภาพไม่ได้ถ่ายโดยมืออาชีพ แต่เป็นมือสมัครเล่นของผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเธอ ไม่ได้ถ่ายในสตูดิโอ เพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด อาจจะเป็นการถ่ายเพื่อเก็บเอาไว้เป็นภาพที่ระลึก ภาพเปลือยกายล่อจ้อน นอนตะแคงบนเตียงนั้น เกจิภาพเองยังไม่สามารถบอกได้ว่า เธอจะถ่ายภาพเช่นนี้เพื่ออะไร และมีเหตุอันใดในการจูงใจให้เธอต้องยอมทำเช่นนั้น
5
ไอดอลสาวบ้านนอก
ถึงจะมีคนด่า กล่าวหาว่าเธอด้วยวาจาต่างๆ นานา อีกฟากฝั่งนึงก็ยังมีคนที่คอยออกมาปกป้องและคอยสนับสนุนให้เธอทำงานอยู่ในวงการต่อไป
มีชาวโลกสังคมออนไลน์ได้ออกมาเรียกร้องให้ “ง็อก จีง” ออกมาสารภาพผิด และให้พิสูจน์ว่าภาพเปลือยชุดดังกล่าวเป็นเธอจริงหรือไม่ และถ้าเป็นจริงก็อยากจะให้เธอสละมงกุฎจากการประกวดนั้นด้วย
ทางตรงกันข้าม ก็ยังมีแฟนๆ ที่รักเธอ และคอยทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ออกมาปกป้องว่า เป็นเรื่องเก่าที่นานมาแล้วจะออมาสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวายกันไปอีกทำไม กลายเป็นสงครามน้ำลายเพียงเพราะภาพเปลือยที่คนที่รักเธอบอกว่า “พวกที่ไม่ยอมรับเป็นพวกคอยอิจฉาตาร้อน” และบอกว่า ภาพดังกล่าวอาจจะเป็นภาพตัดต่อก็ได้ จะให้ตัดต่อให้เนียนหรือจะให้เป็นมิสเวียดนามคนไหนก็ย่อมทำได้เช่นกัน
ภาพที่ออกมาจำนวนหนึ่งไม่ได้เลวร้าน ทุกคนมีพื้นฐานที่มาที่ไป ต่างกัน การมีภาพเหล่านั้นเป็นของตนเองไม่ใช่เรื่องแปลก และหาเป็นสาวตุ๊กตาจริวๆ ก็ไม่ได้เลวร้านอะไรมากมายนัก
หลายคนก็ออกมาบอกว่าภาพเหล่านั้นออกมาเพื่อจะเป็นแผนโปรโมต ประชาสัมพันธ์ให้รู้ว่าเธอกำลังมีงานโกอินเตอร์ที่ประเทศเกาหลี และงานถ่ายแบบที่เมืองไทย
หลังจากเธอได้คว้ารางวัลมิสเวียดนามไปสำเร็จ ทำให้”ราชินีชุดชั้นใน” กลายเป็นไอดอลของสาวๆที่เตรียมตัวพากันแห่เข้าประกวดสุดยอดนางแบบ Next Top Model ซึ่งสื่อออนไลน์เวียดนามเผยว่า มีหญิงสาวมาสมัครกันกว่า 1,000 คน แม้จะเป็นเพียงแค่รอบคัดเลือกทางภาคใต้ของเวียดนามก็ตาม
การคัดเลือกผู้เข้าประกวดหลายคน เริ่มมีความมั่นใจเหมือน “ง็อก จีง” มากขึ้น กล้าที่จะแสดงออก เปิดเผยสัดส่วน และมั่นใจที่จะใส่ชุดบิกินีในการประกวดมากขึ้น หลายคนต้องเดินทางมาสมัครตั้งแต่เช้า เพื่อจะให้ตนเองได้ก้าวเข้าไปสู่วงการแฟชั่นเวียดนามเช่นเดียวกับไอดอลของเธอ แต่เส้นทางของสาวๆ เหล่านั้นช่างแตกต่างจาก “ตุ๊กตา” ที่กว่าเธอจะก้าวมาเป็นดาวเด่นได้ ต้องอดทน ปากกัดตีนถีบ กว่าจะประสบความสำเร็จได้
6
ทำงานกับคนไทย
การมาถ่ายแบบที่เมืองไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ “ตุ๊กตา” ได้มาร่วมงานกับคนไทย แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาเที่ยวเมืองไทย ตุ๊กตาบอกว่า เธอมาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้ง ทั้งพัทยา กรุงเทพฯ และครั้งนี้เธอไปถ่ายแบบที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองที่ทะเลสวยมาก
“ฉันมาเที่ยวเมืองไทยหลายครั้งนะค่ะ แต่ฉันชอบกรุงเทพฯ มากเพราะฉันชอบชอปปิ้ง เดินเล่น และก็หาอาหารไทยอร่อยๆ รับประทาน”
ยิ่งมาบ่อยยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าแฟชั่นของเมืองไทยพัฒนาอย่างรวดเร็ว การทำงานกับคนไทยก็ยิ่งมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเวียดนาม
“วงการแฟชั่นที่นี่ไปเร็วมาก ฉันชอบมาเดินซื้อเสื้อผ้าที่เมืองไทย ส่วนวงการแฟชั่นเวียดนามตอนนี้กำลังพัฒนามากขึ้นค่ะ นางแบบของเวียดนามหลายคนก็ไปถ่ายแบบที่ต่างประเทศมากขึ้นมีงานโกอินเตอร์ด้วย
ส่วนฉันก็มีงานที่ประเทศเกาหลีเหมือนกัน ไปเป็นพรีเซนเตอร์ชุดชั้นใน เป็นแขกรับเชิญในงานมอบรางวัลให้แก่นักแสดงที่นั่นด้วย ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำด้วยค่ะ”
“การถ่ายแบบเซ็กซี่ของฉัน ฉันมองว่ามันสวย และมีวัฒนธรรม ซึ่งมันกลายเป็นเรื่องปกติ ถึงใครจะมองว่าฉันเป็นอย่างไรก็ตาม ปกติมากเพราะที่เวียดนามฉันจะถ่ายแต่ชุดชั้นในและบิกินี เพราะฉันคิดว่าฉันเซ็กซี่ ไม่ได้เซกซี่ที่สุดแต่ทุกคนจะรู้ว่าถ้าฉันถ่ายแบบจะต้องมีรูปเซ็กซี่ และหลายคนจะมองว่าหุ่นฉันเซ็กซี่ เคยมีคนบอกฉันนะว่า ฉันหน้าเด็กมาก เหมือนตุ๊กตาเลย” เธอพูดพลางออกอาการเขินเล็กน้อย
ตุ๊กตา บอกว่าเธอมีความสุขมากที่คนไทยจะเรียกเธอว่า “ตุ๊กตา” การทำงานที่เมืองไทยครั้งนี้ครั้งแรกก็หวังว่าจะเป็นที่รู้จักและยอมรับในเมืองไทยมากขึ้น
7
ขบถสาวผอม
เมื่อถามถึงเคล็ดลับความสวย เซ็กซี่ มั่นใจ ในแบบของตุ๊กตา คนนี้ ยิ่งประหลาดใจมาก เพราะเธอคือขบถผู้แหกกฎของคนที่กำลังลดความอ้วน
“ฉันชอบกินของจุกจิก ไม่ดื่มน้ำเปล่า ชอบดื่มแต่น้ำหวาน เพราะเมื่อไหร่ที่ดื่มน้ำเปล่าจะอาเจียนทันที อาหารไทยที่ฉันชอบมากที่สุดคือ ข้าวเหนียวมะม่วง กินทุกอย่างและกินจุกจิก กินอย่างไรก็ไม่อ้วนสักที แต่ฉันชอบกินผลไม้ ต้องเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม ไม่ดื่มน้ำเปล่า ดื่มได้แค่กาแฟ ชา น้ำหวาน ซึ่งอาการดื่มน้ำเปล่าไม่ได้ของฉันเป็นมาตั้งแต่ยังเด็ก ถ้ามีน้ำเปล่าให้ฉันต้องมีกลิ่นผสมให้ฉันด้วย และฉันไม่ออกกำลังกาย”
“ทุกส่วนในร่างกายของฉัน ฉันชอบเอวและสะโพกของฉันมากที่สุด เพราะเอวของฉันเล็กที่สุดในวงการนางแบบแฟชั่นของเวียดนาม 57 เซนติเมตร ฉันเลยมั่นใจในรูปร่างของฉัน แม้จะเป็นคนไม่ออกกำลังและชอบกินจุกจิกก็ตาม”
ส่วนเรื่องผิวพรรณที่ขาว เนียนนั้น เธอบอกว่า เธอไม่เคยรับงานที่ต้องออกแดดจ้ามากๆ ที่เวียดนามเธอจะรับงานในห้องที่ไม่ต้องถูกแสดงแดดเผาผิวพรรณของเธอให้ช้ำ ทว่าการมาถ่ายแบบที่เมืองไทยในช่วงซัมเมอร์แบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอยอมถ่ายภาพ เพื่อให้ได้ภาพและบรรยากาศที่สวยงาม
“ฉันจะเข้าสปาอาทิตย์ละ 4 ครั้ง เพื่อดูแลผิวของตัวเอง เพราะฉันเป็นคนมีผิวสวย และหลังจากกลับจากการทำงานที่เมืองไทยฉันต้องรีบเข้าสปาทันที เพราะแดดที่เมืองไทยร้อนมาก”
ทุกคนมอง “ตุ๊กตา” ในมุมมองผ่านทางผลงาน การถ่ายแบบ แต่เมื่อให้เธอพูดถึงตนเองที่หลายคนไม่เคยเห็น เธอกลับบอกว่า บุคลิกแท้จริงของเธอช่างต่างกันมากกับผลงานที่แสดงออกมา
“เวลาทำงานหลายคนจะเห็นว่าเซ็กซี่ ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำแล้วมีความมั่นใจมาก แต่ในความเป็นจริง ชีวิตประจำวันเป็นคนเรียบง่าย น่ารัก มีเสน่ห์ และเสน่ห์ของฉันถ้าเทียบกับสาวเวียดนาม ฉันว่าฉันมีเสน่ห์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ แต่คนเวียดนามจะชอบชมฉันว่าน่ารักมากกว่าเซ็กซี่นะ”
8
ฉันเกลียดความจน
“ไม่ผิด ถ้าฉันจะไม่เลือกแต่งงานกับผู้ชายจนๆ” วาทะการให้สัมภาษณ์ของง็อก จีง จากสื่อเวียดนามที่ทำเอาสะเทือนใจแก่หนุ่มๆ ผู้ยากไร้ ผู้ไร้สิทธิ์ในการครอบครองเธอ และตอนนี้เธอก็มีหนุ่มหวานใจ นักธุรกิจชาวเวียดนามได้ครองหัวใจของเธอมานานกว่า 3 ปี
เธอเล่าว่าความรักของเธอกำลังเบ่งบาน สดใส มีความสุขอย่างมาก เพราะแฟนคนนี้ของเธอเป็นคนรักเดียวใจเดียว ถึงแม้จะทำงานหนัก ก็ยังมีเวลาให้อยู่เสมอ
“ตอนนี้ฉันมีแฟนแล้ว เรารักกันมา 3 ปี มีความสุขมากเมื่อวันวาเลนไทน์ ฉันยังมาทำงานอยู่ที่เมืองไทย เขาก็ได้ส่งข้อความมาหาฉันแล้วบอกว่า ถ้าฉันกลับมาที่เวียดนามหลังจากเสร็จงาน เขาจะพาฉันไปเที่ยวอีกด้วย”
“เพราะเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หายากมากในผู้ชายยุคนี้ที่จะเป็นคนรักเดียวใจเดียว ซึ่งถึงแฟนจะเป็นคนทำงาน เป็นนักธุรกิจ แต่ก็ยังดูแลฉันอย่างดี เป็นคนซื่อสัตย์ แต่เขาเป็นคนอายุมากแล้ว และก็เป็นคนไม่โรแมนติกมาก ทุกอย่างที่เขาทำให้ฉัน ฉันจะรู้สึกประทับใจในทุกๆ อย่างเลยค่ะ”
สุดท้าย สาว “ตุ๊กตา” ราชินีชุดชั้นในของทุกคนยังฝากผลงานการถ่ายแบบแฟชั่นครั้งแรกในเมืองไทยกับนิตยาสาร MARS ที่กำลังจะนำมาให้แฟนๆ ชาวไทยได้ติดตามความเซ็กซี่ และหวังว่าคนไทยจะรักและรู้จักแม่ “ตุ๊กตา” สุดเซ็กซี่ คนนี้มาขึ้น
****************************************
5 Things Did You Know?
- เอวเธอเล็กที่สุดในวงการนางแบบเวียดนาม
- เธอไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า
- ค่าตัวเธอสูงที่สุดในวงการ ถึง 3,000 ดอลลาร์
- ความฝันเธออยากเปิดร้านสปา
- เธอเรียนจบทางด้านบริหารธุรกิจ
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ เหวียน ง็อก จีง
ชื่อเรียก “ตุ๊กตา”
ฉายา ราชินีชุดชั้นใน
อายุ 23 ปี
สูง 171 เซนติเมตร
น้ำหนัก 49 กิโลกรัม
ผลงาน เดินแบบ ถ่ายแบบแฟชั่นชุดว่ายน้ำ ชุดชั้นใน บิกินี ฯลฯ งานถ่ายแบบที่ประเทศเกาหลี
ถ่ายแบบแฟชั่นกับนิตยาสาร MARS ของเมืองไทย (เร็วๆ นี้)
รางวัล ชนะเลิศอันดับ 1 ตำแหน่ง Miss Vietnam Content Global 2011
ความฝัน อยากเปิดร้านสปา
ข่าวโดย ทีมข่าว M-Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์
ภาพโดย อดิศร ฉาบสูงเนิน