ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ในที่สุด เหวียนหง็อกจีง (Nguyễn Ngọc Trinh) นางแบบสาวสวยจากเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงเวียดนาม ก็กลายเป็นดาวเด่นที่พุ่งแรงข้ามขอบฟ้าคว้ามงกุฎมิสเวียดนามอินเตอร์เนชั่นแนล (Miss Vietnam International) ในการประกวดที่เมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย ในคืนวันเสาร์ 13 ส.ค.2554
“ตุ๊กตา” ซึ่งเป็นเจ้าของวาทะ “ชาตินี้จะไม่ขอแต่งกับผู้ชายจนๆ” เอาชนะสาวงามลูกหลานของชาวเวียดนามจากทั่วโลกอีก 20 คน ในรอบสุดท้าย และกลายเป็นคนแรกที่เป็นเจ้าของตำแหน่งความงามที่เพิ่งจัดประกวดเป็นครั้งแรก รับเงินรางวัล 30,000 ดอลลาร์ กับมงกุฎทองคำขาวประดับเพชร มูลค่าประมาณ 5,000 ดอลลาร์
ชาวเว็บในเวียดนามนับร้อยๆ คนเข้าไปอ่านข่าว และชมรูปภาพล่าสุดจากสหรัฐฯ พร้อมกับให้ความเห็นที่หลากหลาย ในนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่วิจารณ์ ว่า เธอไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ด้วยประการทั้งปวง
ตุ๊กตาเคยได้ตำแหน่งและรางวัลความสวยความงามมาหลายเวที จากการประกวดในประเทศ ครั้งนี้ นับเป็นตำแหน่งสูงสุดที่เคยได้รับ และยิ่งทำให้เธอกลายเป็นดวงดาวที่ลอยห่างไกลจากบรรดาชายหนุ่มที่ยากจนซ้ำซาก ออกไปอีกนับหมื่นลี้
หญิงสาวที่มีเชื้อสายเวียดนาม ทั้งลูกครึ่งและลูกเสี้ยว กว่า 80 คน จากประเทศและดินแดนต่างๆ ได้เข้าร่วมการประกวดมิสเวียดนามอินเตอร์เนชั่นแนล ที่จัดประกวด หรือตัดเลือกกันย่อยๆ ในหลายประเทศต้นทาง จนกระทั่งเหลือจำนวน 30 คน ไปประชันกันรอบสุดท้ายในสหรัฐฯ
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดิ๊ตเหวียด (Dat Viet) หญิงสาวที่เข้าร่วมการประกวดมิสเวียดนามอินเตอร์เนชั่นแนล ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา สำหรับตัวแทนที่ไปจากเวียดนามเป็นนางแบบทั้งหมด
นอกจากหง็อกจีงแล้ว ยังมีหญิงสาวจากแผ่นดินแม่เวียดนามอีก 4 คน ไปร่วมการประกวดครั้งนี้ ซึ่งรวมทั้ง จ่าหง็อกหั่ง (Tra Ngoc Hang) ซ่ึงได้รองอันดับ 1 และ ฟานญือถาว (Phan Nhu Thao) ซึ่งเคยเข้าถึงรอบ 10 คนสุดท้ายในเวทีมิสเวียดนาม 2008 และได้รองอันดับ 4 ในเวทีมิสเวียดนามอินเตอร์เนชั่นแนล
สำหรับตุ๊กตายังได้รับอัก 2 รางวัล คือ สาวสวยที่สุดในชุดบิกินี กับตำแหน่ง “สาวเวียดนามแห่งเอเชีย” เธอสามารถเอาชนะใจกรรมการได้คะแนนอย่างท่วมท้นในรอบถาม-ตอบ
โดดเด่นเหนือดารา VietnamExpress
2
3
ไกลจนสุดเอื้อม VietnamExpress
4
5
6
7
8
9
10
11
ถามว่า ใครมีอิทธิพลต่อชีวิตของมากที่สุด เธอตอบว่า “คุณพ่อ”
ตุ๊กตาสาธยายว่า ครอบครัวของเธอเป็นชาวนายากจน คนแม่เสียชีวิตตอนคลอดเธอ โดยแลกกับให้เธอได้เกิด คุณพ่อเลี้ยงดูมาคนเดียว พอโตขึ้นได้เห็นคุณพ่อปากกัดตีนถีบเลี้ยงดูน้องๆ เธอที่เกิดกับแม่คนใหม่
“คุณพ่อทำทุกอย่างโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไม่ห่วงความสุขของตัวเอง เพื่อให้ลูกๆ ได้เติบโตขึ้นมา คุณพ่อเป็นวีรบุรุษในดวงใจของหนูเสมอมา หนูจึงอุทิศตนทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคุณพ่อและอุดหนุนครอบครัวของเรา” หง็อกจีงกล่าวประโยคยาวๆ นี้บนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง
หง็อกจีงออกจากบ้านเกิดใน จ.จ่าวีง (Tra Vinh) เดินทางเข้านครโฮจิมินห์ไปสมทบกับพี่ๆ เพื่อหางานทำในนครโฮจิมินห์ เธอทำงานเป็น “มาร์คกี้” ในโรงสนุกเกอร์แห่งหนึ่ง และได้พบกับแมวมองของโมเดลลิงเฮ้าส์แห่งหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นปีป่ายไปสู่ดวงดาวในวงการแฟชั่น
ปัจจุบันเป็นเจ้าของฉายา “ราชินีชุดชั้นใน” เป็นนางแบบสาวค่าตัวแพงที่สุด สะพายกระเป๋าชาเนลราคา 3,000 ดอลลาร์ เท่ากับค่าตัวสำหรับถ่ายแบบโฆษณาครั้งหนึ่ง
ปีนี้ขับออดี้ A4 แต่เธอกล่าวว่า “วันเกิดทุกปีหมายถึงการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่”
ตุ๊กตาให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้วบอกว่า ชีวิตเธออยู่กับความยากจนมาตั้งแต่แรกเกิด ในวัยเด็กทานข้าวเปล่าโดยไม่มีกับ ไม่เคยมีของเล่น วันนี้เธอมีทุกสิ่งทุกอย่าง ครอบครัวของเธอมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และไม่อยากจะกลับไปหาความยากจนอีก “ผิดด้วยหรือที่หนูจะไม่ขอแต่งกับผู้ชายจนๆ”
“เป็นแฟนหนูต้องจ่ายแพงนะ” เป็นอีกวาทะหนึ่ง ซึ่งทำให้ตุ๊กตาเป็นที่ฮือฮาของทั้งวงการ
ลูกหลานในต่างแดน Bao Dat Viet
12
13
14
15
16
17
18
19
20