เอเยนซี - ศาลอุทธรณ์ในฮ่องกง ได้ยกคำอุทธรณ์ของซินแสฮวงจุ้ยโทนี่ ชาน ผู้ร้องขอศาลเพื่อพิจารณากลับคำตัดสินที่ระบุว่าพินัยกรรมฉบับปี 2549 ของนางนี่น่า ซึ่งระบุยกมรดกให้นายชานนั้น เป็นพินัยกรรมปลอม และตัดสินให้อาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ตกเป็นสมบัติของมูลนิธิการกุศลไชน่าเคมจำกัด ซึ่งนีน่าระบุไว้ในพินัยกรรมฉบับปี 2545 ว่าเป็นผู้รับมรดกของเธอแต่เพียงผู้เดียว
สื่อจีนรายงานวันที่ 15 ก.พ. ว่า แอนโธนี โรเจอร์ส ผู้พิพากษา ได้อ่านคำตัดสินอันเป็นมติเอกฉันท์จากผู้พิพากษา 3 คน ว่านายโทนี ชาน พยายามที่จะใช้กระบวนการกฎหมายในทางที่มิชอบ ด้วยการสร้างหลักฐานเท็จ จึงไม่ลังเลที่จะให้ยกคำอุทธรณ์ของเขา
สืบเนื่องจากคำตัดสินของศาลในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2553 ที่ว่านายชานได้ปลอมพินัยกรรมของนายเท็ดดี้ หว่อง เจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ไชน่าเคม ซึ่งถูกลักพาตัวและหายสาบสูญในปี 2533 นีน่าภรรยาของเท็ดดี้ ได้ต่อสู้เพื่อแย่งมรดกกับบิดาสามีในศาลอยู่นาน จนในที่สุดก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อปี 2548 และนั่งเก้าอี้ประธานของไชน่าเคม
ระหว่างนั้น ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างนายชานกับนีน่าเริ่มขึ้น เมื่อเธอว่าจ้างให้เขาดูฮวงจุ้ยเมื่อปี 2535 แต่น้องสาวสองคนและน้องชายของนีน่าขึ้นให้การต่อศาลว่า นีน่ายังคงรักนายเท็ดดี้ และเชื่อมั่นว่าสามียังมีชีวิตอยู่ จนต่อมาเมื่อนางนีน่าได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อเดือนเม.ย.ปี 2550 ขณะอายุ 69 ปี
นายชานได้ยื่นขอรับมรดกทั้งหมดของนีน่าโดยอ้างพินัยกรรมฯ แต่คำพิพากษาระบุ ศาลไม่เชื่อว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นไปในลักษณะที่จะทำให้นีน่าเตรียมยกมรดกทั้งหมดให้แก่เขา โดยไม่คำนึงถึงข้อผูกมัดและความรับผิดชอบอื่น ๆ ของเธอ
ในคำพิพากษาระบุว่า ความสัมพันธ์ของนีน่ากับนายชานเป็นความลับ ซึ่ง“ถูกฝังไปพร้อมกับเธอ เมื่อตายไป” นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่า นายชานได้เตรียมการต่อสู้ทางกฎหมาย “มาสักระยะหนึ่ง ก่อนหน้ามรณกรรมของนีน่า”
นิตยสารฟอร์บส์ ประเมินทรัพย์สินของนีน่า หว่อง ในขณะนั้นว่า มากถึง 4,200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจัดว่าร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันดีว่า นีน่าเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า แต่ละเดือนใช้เงินสำหรับตัวเองไม่ถึง 400 ดอลลาร์ นอกจากนั้น เธอยังขึ้นชื่อในเรื่องการแต่งตัวแปลกพิสดารผิดกว่าคนอื่น โดยชอบปรากฏตัวต่อสังคมด้วยชุดมินิสเกิร์ตสีสว่างสดใส และถักผมเปีย จนกระทั่งได้รับฉายาว่า สิว ถึ่ม ถึ่ม ในภาษากวางตุ้ง หรือ ลิตเติ้ล สวีตตี้
ชาน กล่าวว่า เขาจะยื่นฎีกาต่อไป และขอยืนยันพินัยกรรมนั้นเป็นของจริง ขณะที่ด้านมูลนิธิฯ ผู้รับพินัยกรรมของนีน่า กล่าวว่า ดีใจที่ได้รับความเป็นธรรม
คดีนี้ เป็นข่าวคึกโครมในฮ่องกง เมื่อปีที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องราวสะท้อนกิเลสตัณหามนุษย์ที่ไม่เข้าใครออกใคร ทั้งในด้านการแย่งชิงมรดกซึ่งต่อสู้มาหลายทอดตลอดระยะเวลา 20 ปี และความอื้อฉาวในทางสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว อันซับซ้อนและเป็นอนิจจังดุจนวนิยายเรื่องหนึ่ง