“เทพไท” อัด “เป็ดเหลิม” ทำมึนหวังรื้อคดีที่ดินรัชดาฯ หลังศาลแพ่งให้คืนเงิน “หญิงอ้อ” หวังล้างผิด “นช.แม้ว” สอนเชิงดอกเตอร์กฎหมาย ระบุความผิด “ทักษิณ” ต่างกับ “คุณหญิง พจมาน” เชื่อ แค่สร้างกระแสกลบข่าวฉาวของรัฐบาล ส่วนการนิรโทษกรรม ไม่สามารถเทียบเคียงกรณี “โกเมน” ได้ พร้อม เย้ย รัฐบาลกลัว ครม.เงาตรวจสอบ เลยใช้วิถีขู่ดึง รธน.มาตรา 271 ฟ้องยุบพรรค ท้า รมต.ตัวจริงปักหลักสวนหมัดใครจะเก่งกว่ากัน
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เตรียมดำเนินการรื้อคดีที่ดินรัชดาฯ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีโทษจำคุก 2 ปี เพื่อให้มีการกลับคำตัดสินใหม่โดยอ้างคำตัดสินของศาลแพ่้ง ว่า ไม่เข้าใจว่าคนอย่างร.ต.อ.เฉลิม ที่บอกว่า อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น ถึงไม่เข้าใจถึงกระบวนการพิจารณาของศาล
กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีของคุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร ที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่ง ดังนั้น การที่ศาลแพ่งตัดสินให้คุณหญิง พจมาน ชนะคดีนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดพ้นไปด้วย เพราะฉะนั้นหากจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ก็ไม่น่าจะเป็นการหวังผลทางการปฏิบัติ แต่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างกระแส กลบเกลื่อนการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องของการแก้ปัญหาของแพง ปัญหาน้ำท่วม และการโยกย้ายข้าราชการ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องมากกว่า
ส่วนที่การหยิบยกการนิรโทษกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมา โดยอ้างว่าบุคคลที่ไม่เคยรับโทษสามารถนิรโทษกรรมได้ โดยยกเอากรณีของ นายโกเมน ภัทรภิรมย์ อดีตอธิบดีกรมอัยการเป็นกรณีศึกษานั้น นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องนี้แตกต่างกับกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างสิ้นเชิง เพราะกรณีของ นายโกเมน นั้น มีการขอพระราชทานอภัยโทษโดยยังไม่จำคุก เพราะว่าโทษของนายโกเมน เป็นโทษจำคุกแต่รอลงอาญา 2 ปี แตกต่างจากกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ศาลสั่งจำคุกทันทีโดยไม่รอลงอาญา ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องเข้าคุกสถานเดียวแล้วมาขอพระราชทานอภัยโทษภายหลังได้ตามเงื่อน และตามประเพณีปฏิบัติ ของกระทรวงยุติธรรม
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวปฏิเสธกรณีรัฐบาลระบุถึงการตั้งคณะรัฐมนตรีเงา ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นการเสพติดอำนาจ และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 271 และเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 94(3) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ว่า ไม่ใช่เป็นการเสพติดอำนาจตามที่รัฐบาลกล่าวหา พรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะมี ครม.เงาเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งพรรคก็ได้ปฏิบัติแบบนี้มาในครั้งที่แล้ว และเห็นว่า รูปแบบ ครม.เงา เป็นการตรวจสอบที่สอดคล้องตามแนวทางระบอบประชาธิปไตย ซึ่งดีกว่า ส.ส.ฝ่ายค้านไปปลุกระดม เผาบ้านเผาเมือง เหมือนกับพรรคการเมืองบางพรรค ดังนั้นถ้าหากว่ารัฐบาลจะยกกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาขมขู่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัวแต่อย่างใด
นายเทพไท กล่าวว่า การตั้ง ครม.เงาเป็นรูปแบบการตรวจสอบทางการเมืองของอารยประเทศที่ทำกัน โดยประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย ก็มีการตั้ง ครม.เงา ตรวจสอบอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลยกเรื่องนี้ขึ้นมา น่าจะมาจากการเกรงกลัวตรวจสอบของฝ่ายค้านมากกว่า เพราะตั้งแต่ตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็หนีการตรวจสอบของฝ่ายค้าน แม้กระทั่งการยื่นกระทู้สดก็ยังหนี หรือการประชุมรัฐสภาก็ไม่มาตอบกระทู้ จะตอบเฉพาะของสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มีลักษณะเตี้ยมกันก่อน แบบชงเองกินเองทั้งนั้น ตนเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะ หวาดกลัวการตรวจสอบ จึงยกกฎหมายมาข่มขู่และเชื่อว่าจะมีผลการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาธิปัตย์ ชะงักลงไปได้
“อยากจะท้าทาย ให้รัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ ประกบคู่กับรัฐมนตรีเงาของพรรคประชาธิปัตย์ ในลักษณะตัวต่อตัว ยืนซัดกันแบบหมัดต่อหมัดว่าใครเก่งกว่ากัน ดีกว่าออกมาตีสำนวนโวหาร กระแหนะกระแหนเย้ยถางถาง ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์” นายเทพไท กล่าว
ด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้ง ครม.เงา เป็นวัฒนธรรมการทำงานของฝ่ายค้าน ในประเทศที่มีประชาธิปไตยเจริญแล้ว เพื่อการตรวจสอบ การเสนอแนะการทำงานที่สร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศ และประชาชน
“ขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ ไม่เป็นฝ่ายค้านที่ปลุกระดมคนออกมาเผาบ้านเผาเมืองแน่นอน”