เอเอฟพี - อดีตสายลับ เตือน หน่วยงานด้านความมั่นคงของไต้หวันยังมีสายลับจีนสอดแทรกอยู่อีกอย่างน้อย 10 ราย หลังเกิดกรณีการจารกรรมข้อมูลทางทหารที่สร้างความเสียหายแก่ไต้หวันครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี
อดีตสายลับ ซึ่งไม่เผยนาม กล่าวกับไชน่า ไทมส์วันนี้(14 ก.พ.) ว่า “สายลับชาวจีนผู้ต้องสงสัยบางรายยังไม่ถูกจับกุม เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีหลักฐานไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดแล้วก็ตาม” และกล่าวต่อว่า “พวกเขาอาจได้รับคำสั่งจากกองกำลังด้านความมั่นคง ให้ปล่อยข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับจีน”
พร้อมเตือนว่า “ก่อนที่นายพลหลัว จะถูกจับ เขาสามารถเลี่ยงการตรวจสอบจากกองกำลังด้านความมั่นคงของไต้หวันได้ถึง 9 ปี ขณะที่ สายลับที่ทำหน้าที่จารกรรมข้อมูลให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ยังมีอยู่อีกมาก และยังไม่ตรวจไม่พบ อีกทั้งอาจสอดแทรกตามหน่วยงานของรัฐบาลไต้หวันมากกว่าที่คิด”
ทั้งนี้ คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกรณีการจับกุมนายพลหลัว เสียนเจ๋อ เมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับทางทหารของไต้หวันให้แก่จีน ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว ยังถือเป็นการทำสงครามกันระหว่างจีนและไต้หวัน แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างทั้ ง 2 ฝ่าย จะลดลงแล้วก็ตาม
ขณะที่ หนังสือพิมพ์ลิเบอร์ตี้ ไทมส์ รายงานว่า นายพลหลัวได้รับสารภาพต่อความผิดดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน ในรายงานยังระบุ ว่า การเลื่อนตำแหน่งในระบบราชการของนายพลหลัว ดูเหมือนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากจีน
ทั้งนี้ พลตรีหลัว เสียนเจ๋อ แห่งกองทัพบกไต้หวัน ได้รับการติดต่อว่าจ้างจากจีนให้ล้วงข้อมูลลับของไต้หวัน ขณะที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยระหว่างปี 2545-2548 และถูกจับกุมเมื่อปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เผยว่า ก่อนจะถูกจับกุม นายพลหลัว ซึ่งขณะนี้มีอายุ 51 ปี ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกรมโทรคมนาคมและข้อมูลอีเลคทรอนิคของกองทัพบกไต้หวัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ง่ายต่อการล้วงข้อมูลความลับให้กับจีน โดยการจารกรรมข้อมูลครั้งนี้ ถือเป็นความเสียหายครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี แม้ในเบื้องต้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่า มีการเปิดเผยข้อมูลกองทัพไต้หวันไปมากน้อยเพียงใด