เอเอฟพี - ทางการรัสเซียแถลงวันนี้ (5) ว่า สามารถจับกุมตัวชายสัญชาติจีนคนหนึ่ง ผู้มีพฤติกรรมเป็นสายลับ จารกรรมเอกสารลับเกี่ยวกับระบบมิสไซล์ เอส-300 ด้วยการปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ล่าม
วันนี้ หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งสหพันธ์รัสเซีย (เอฟเอสบี) เปิดเผยการจับกุมชายจีนคนนี้ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2010 แต่ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่เก็บงำคดีระหว่างประเทศดังกล่าวมานานแรมปี
กระนั้นก็ดี การเปิดเผยเรื่องนี้มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์ ก่อนการเยือนจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน ของนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย โดยมีเป้าหมายสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต และถกประเด็นการค้า
หน่วยความมั่นคงเอฟเอสบีระบุว่า สายลับจีนคนนี้ชื่อ ถง เซิ่งหย่ง พร้อมทั้งเปิดเผยว่า คณะอัยการได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลกรุงมอสโกแล้ว เมื่อวันอังคาร (4) ที่ผ่านมา
“การสืบสวนพบว่า ชายสัญชาติจีนคนนี้ได้รับมอบหมายภารกิจจากกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ (กง อัน ปู้) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน” คำแถลงของหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งสหพันธ์รัสเซียระบุ
ข้อมูลเพิ่มเติมยังเปิดเผยว่า ถง เซิ่งหย่งแทรกซึมเข้ารัสเซียในฐานะเจ้าหน้าที่ล่ามของ “คณะนักการทูต” และพยายามซื้อข้อมูลลับจากคนรัสเซีย อนึ่ง ตามกฎหมายรัสเซีย ข้อหาจารกรรมข้อมูลมีโทษจำคุก 10-20 ปี
ทั้งนี้ มิสไซล์เอส-300 เป็นขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศรุ่นโบราณ ซึ่งผลิตมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต และปัจจุบันได้รับการแทนที่ด้วย เอส-400 ที่ล้ำสมัยกว่า โดยรัสเซียมีจีนและอินเดียยังเป็นลูกค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุด
ทว่า ช่วงที่ผ่านมา จีนพยายามพัฒนาขีปนาวุธที่ผลิตเอง โดยเลียนแบบจากมิสไซล์รุ่นเก่าที่เคยซื้อจากรัสเซีย
นักวิเคราะห์มองว่า คดีดังกล่าวมีปริศนาอยู่พอสมควร เนื่องจากทางการรัสเซียเพิ่งมาประกาศเรื่องนี้ หลังจากผ่านมานานเกือบปี และมิสไซล์ที่อ้างถึงก็เป็นรุ่นโบราณ
“มิสไซล์เอส-300 ส่งออกไปยังนานาประเทศ รวมทั้งจีนด้วย” อะเลกซานเดียร์ โคโนวาลอฟ นักวิชาการจากสถานบันการประเมินยุทธศาสตร์ แสดงทรรศนะไว้เช่นนั้น “คดีนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ”
อย่างไรก็ตาม คำแถลงของหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งสหพันธ์รัสเซียชี้ว่า สายลับจีนรายนี้พยายามจารกรรมเอกสารการซ่อมแซมมิสไซล์ เอส-300 ซึ่งไม่ได้อยู่ในสัญญาการซื้อขายอาวุธระหว่างทั้งสองประเทศ