คดีนายพลไต้หวันขายความลับชาติ ร้ายแรงสุดในครึ่งศตวรรษ

เอเอฟพี - สื่อรายงาน(10ก.พ.)ว่า นายพลไต้หวัน ที่ตกหลุมพรางยอมขายความลับชาติให้แก่สายลับสาวจีน ถูกจับกุมเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการไต้หวันเชื่อว่า เป็นการจารกรรมข้อมูลที่สร้างความเสียหายร้ายแรงสุดในรอบ 50 ปี

ไชน่า ไทมส์ อ้างแหล่งข่าวไม่เผยนาม ว่า พลตรีหลัว เสียนเจ๋อ แห่งกองทัพบกไต้หวัน ผู้ต้องคดีล้วงความลับทางทหารของไต้หวันขายให้จีน ขณะที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยระหว่างปี 2545-2548 โดยสายลับสาวจีนซึ่งในขณะนั้น มีอายุ 30 ต้นๆ ได้ใช้วิธีหว่านเสน่ห์ชักจูง พร้อมทั้งเสนอเงินค่าจ้างจำนวนมหาศาล เพื่อแลกกับการล้วงข้อมูลลับสุดยอด

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อนายพลไต้หวันพบกับสายลับสาวจีนพราวเสน่ห์ บุคลิกดีคนนี้เป็นครั้งแรก เธอก็แสร้งว่าทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออก พร้อมกับถือพาสสปอร์ตออสเตรเลียอีกด้วย

นายพลหลัว ปัจจุบัน วัย 51 ปี ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวนานแล้ว เริ่มรวบรวมข้อมูลลับให้สายลับสาวจีนตั้งแต่ปี 2547 และในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้รับเงินว่าจ้างจากจีนครั้งละ 200,000 ดอลลาร์(ราว6.15 ล้านบาท) โดยได้รับค่าจ้างครั้งสุดท้ายสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์

แม้ว่าในปี 2548 เขาได้กลับมาประจำการที่ไต้หวัน แต่ยังเป็นสายลับให้จีนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนัดพบกับสายลับสาวจีนที่ประเทศสหรัฐฯเป็นระยะๆ เพื่อส่งข้อมูลลับให้

รายงานข่าวระบุ นายพลหลัว สามารถปิดบังการกระทำของตนและผ่านการทดสอบความจงรักภักดีหลายครั้ง และในปี 2551 เขาก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพลตรี

กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ระบุ นายพลหลัวดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกรมโทรคมนาคมและข้อมูลอีเลคทรอนิคของกองทัพบกไต้หวัน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถล้วงข้อมูลความลับให้กับจีนได้เป็นอย่างดี โดยถือเป็นการจารกรรมข้อมูลทางทหารที่สร้างความเสียหายครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปี แม้ในเบื้องต้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่า มีการเปิดเผยข้อมูลกองทัพไต้หวันไปมากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ไต้หวันและจีนแบ่งแยกการปกครองกันนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองในปี 2492 หลังจากนั้นทั้งสองประเทศก็มีการส่งสายลับล้วงข้อมูลของอีกฝ่ายมาโดยตลอด ขณะที่จีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และต้องการรวมชาติในที่สุด แม้จะต้องใช้กำลังบุกยึดก็ตาม