เอเอฟพี – นักวิเคราะห์ระบุ การตัดสินคดีผู้บริหารบริษัทสินแร่ริโอ ทินโตของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมเมื่อวันจันทร์ (29 มี.ค.) ทำให้การดำเนินธุรกิจในจีนอึมครึม และมีความเสี่ยง
นายหู สเติร์น ชาวออสซี่เชื้อสายจีน และเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นชาวจีนอีก 3 คน ถูกศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกตั้งแต่ 7 ปี-14 ปี โทษฐานติดสินบน และขโมยความลับด้านการค้า การพิจารณาคดีใช้เวลา 3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟัง
แม้รายละเอียดความผิดทางอาญาของจำเลยเป็นที่รับรู้กันอย่างจำกัด แต่จากรายงานของสื่อทำให้ทราบว่า มีการให้ของกำนัล เพื่อให้การทำสัญญาต่าง ๆ ราบรื่น และมีการล้วงความลับข้อมูลธุรกิจจากคนวงใน
การลงโทษสถานหนักจึงเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อเตือนบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุน อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในจีนนั้น การมีสายสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง หรือ “ก่วนซี” นับเป็นสิ่งจำเป็น และการใช้ไหวพริบก็เป็นเรื่องปกติ ขณะที่กฎหมายกลับไร้ความชัดเจน
นายเดวิด มาร์ติน โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์แห่งออสเตรเลียระบุว่า ผลการตัดสินคดีนี้ชี้ให้เห็นว่า เป็นเรื่องยาก ที่เราจะทราบได้ว่า ในการค้นหาข้อมูล ที่เราอาจจำเป็นต้องใช้นั้นมีขอบเขตกระทำได้เพียงใดและ มีอะไรบ้าง
ด้านนายสตีเฟ่น สมิท รัฐมนตรีต่างประเทศแดนจิงโจ้กล่าวชัดเจนว่า การพิจารณาคดี ที่ขาดความโปร่งใสทำให้บริษัทต่างชาติพากันไม่แน่ใจว่า จีนขีดเส้นแบ่งสำหรับสิ่งที่ถือเป็นความลับทางการค้าไว้ที่ตรงไหน
นักวิเคราะห์ระบุว่า คดีของนายหู คุณพ่อลูกสอง ซึ่งเกิดและเรียนหนังสือในจีน จะนำมาใช้เป็น “นิทานสั่งสอนตักเตือน” สำหรับบริษัทธุรกิจ ที่หวังเอาเปรียบจากเศรษฐกิจ ที่เติบโตของจีน และหลังจากนี้ บริษัทต่าง ๆ ย่อมจะให้คำแนะนำอย่างระมัดระวังแก่บุคคล ที่บริษัทใช้ให้ไปติดต่อเจรจา
นักวิเคราะห์ยังเตือนด้วยว่า การขอความร่วมมือสนับสนุนในการทำธุรกิจจากเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในท้องถิ่นเป็นสิ่ง ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แต่ถ้าเกิดไปมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่เข้า พวกเขาก็สามารถใช้กฎหมายฟ้องร้องด้วยข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชั่นได้
ทั้งนี้ เกิดข้อวิตกกันเรื่องหนึ่งก็คือจังหวะเวลาในการจับกุม ซึ่งเกิดเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้วเป็นช่วงเดียวกับที่จีนและริโอทินโตเจรจาตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับการกำหนดราคาแร่เหล็กประจำปี และภายหลังจากริโอปฏิเสธการขายหุ้นครั้งใหญ่แก่จีนเพียงไม่กี่สัปดาห์
