ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ระส่ำหนัก ก.ล.ต.ใช้กฎเหล็ก "เฮดจ์ฟันด์" โวยเป็นแพะรับบาป

ก.ล.ต.สหรัฐ เล็งออกกฎเหล็กคุมปั่นหุ้น สั่งกองทุนฯ เผยสถานะการทำ ช็อต-เซล หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนหนักจากการเก็งกำไร "เฮดจ์ฟันด์" ผวาโดนอำนาจรัฐกลั่นแกล้ง-คู่แข่งแอบล้วงความลับ พร้อมโวยแผนในการทำธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา ไม่ใช่กลุ่มผู้ขาย

วันนี้ (18 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐ เตรียมกำหนดให้กองทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) เปิดเผยสถานะการขายเพื่อทำช็อต-เซล เพื่อลดภาวะผันผวนในตลาดหุ้น

นายคริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ประธาน ก.ล.ต. ระบุในแถลงการณ์ว่า เฮดจ์ ฟันด์ และนักลงทุนที่บริหารหุ้นมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ จะต้องเริ่มรายงานให้สาธารณชนทราบถึงการขายเพื่อทำช็อตเซลในแต่ละวันในทันที ซึ่งตลาดจะขอข้อมูลสถานะการซื้อขายที่ผ่านมาในหุ้นบางตัวจากเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ส.ส.สหรัฐ อาทิ นายคริสโตเฟอร์ ด็อด ประธานคณะกรรมการกิจการธนาคารของสหรัฐ และผู้บริหารสถาบันการเงินต่างๆ อาทิ นายจอห์น แมค ซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ขายอาจจะมีส่วนที่ทำให้เกิดวิกฤตในตลาด ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ และใช้กลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสมกลั่นแกล้งบริษัทเป้าหมาย ขณะที่เฮดจ์ ฟันด์ แจ้งว่า ยุทธศาสตร์การทำธุรกิจที่ไม่มีประสิทธิภาพต่างหากที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา ไม่ใช่กลุ่มผู้ขาย

นายฌอน โอ มัลเลย์ อดีตทนายความประจำ ก.ล.ต. และปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์ของกู้ดวิน พร็อคเตอร์ แอลแอลพี กล่าวยอมรับว่า เฮดจ์ ฟันด์จำนวนมากไม่ต้องการให้บีบบังคับให้เปิดเผยข้อมูลการลงทุน ดังนั้น มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นที่พอใจในกลุ่มเฮดจ์ ฟันด์ และจะต้องมีการคัดค้านจากเฮดจ์ ฟันด์แน่ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฮดจ์ ฟันด์ คงจะไม่ได้รับการผ่อนปรน

ทั้งนี้ คณะกรรมการของ ก.ล.ต. 5 ราย จะต้องอนุมัติกฎเกณฑดังกล่าว ซึ่งจะถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการดำเนินการแบบฉุกเฉิน แม้ว่าเฮดจ์ฟันด์อยากจะเก็บข้อมูลการลงทุนของตนเองไว้เป็นความลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์รายอื่นเข้ามาล้วงกลยุทธ์ของตนเอง

มีการตั้งข้อสังเกตุว่า ก.ล.ต.สหรัฐ ไม่ได้ระบุว่า กฎเกณฑ์ดังกล่าวจะถูกนำมาใช้กับหุ้นทั่วไปหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่ออ็อปชั่นและหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ หรือไม่

**มอร์แกนฯ สูญลูกค้าทันที 10%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างคำกล่าวของผู้บริหารในแวดวงการเงินของสหรัฐ โดยระบุว่า มอร์แกน สแตนลีย์ กำลังสูญลูกค้าในกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ไป เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้วิตกกังวลเกี่ยวกับหุ้นวาณิชธนกิจสหรัฐว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจไฟแนนซ์ของบริษัท โดยในสัปดาห์นี้ มีลูกค้ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนต่ำกว่า 10% ของงบดุลของบริษัทได้ถอนเงินออกไปแล้ว และแจ้งความจำนงว่าจะถอนเงิน ซึ่งการถอนตัวของลูกค้ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์นี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจ้าถึงสำรองของบริษัทเท่าใดนัก

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ดอยช์แบงค์, ซิตี้กรุ๊ป, เครดิต สวิส และเจพีมอร์แกน เชส จึงเข้ามาดึงลูกค้าไปจากมอร์แกน สแตนลีย์ หลังจากที่เลห์แมน บราเธอร์ส ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายไปเมื่อต้นสัปดาห์ โดยไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ระบุว่า เลห์แมนไม่ต้องส่งคืนสินทรัพย์ที่ถูกระงับไว้มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในระยะใกล้นี้

ทั้งนี้ หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงถึง 42% ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก นับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.เป็นต้นมา

นายอดัม ซัสแมน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของทีเอบีบี กรุ๊ป กล่าวว่า ดูเหมือนว่ากลุ่มเฮดจ์ฟันด์จะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเรื่องคู่ค้า ในขณะที่หาโอกาสลงทุนในหลักทรัพย์ หากเฮดจ์ฟันด์เหล่านี้ไม่สนใจหุ้น ก็จะลดการลงทุนในธุรกิจบริการ prime brokerage และซื้อขายตราสาร

ทั้งนี้ การถอนตัวของลูกค้ามีขึ้นก่อนที่นิวยอร์ก ไทม์ส ได้รายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์กำลังหาทางควบกิจการกับวาโชเวียคอร์ป และธนาคารอื่นๆ