xs
xsm
sm
md
lg

แฉ จีน-มะกัน ยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียม อวดแสนยานุภาพการทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เว็บไซต์วิกิลีกส์ แสดงรูปของจูเลียน อาสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ฯ ด้านบนของหน้าเว็บ ในครั้งนี้วิกิลีกส์แฉข้อมูลลับเรื่องการยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียม เพื่ออวดแสนยานุภาพของสหรัฐฯและจีน (ภาพเอเอฟพี)
เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษ ฉบับวันพฤหัส (3 ก.พ.) รายงานข้อมูลจากวิกิลีกส์ว่า สหรัฐฯ และจีนต่างยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมของตนเอง เพื่ออวดแสนยานุภาพทางการทหาร ให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์

เว็บไซต์จอมแฉ วิกิลีกส์ เจาะบันทึกลับสถานทูตสหรัฐฯ ออกมาตีแผ่ว่า “ปี 2550 เมื่อจีนยิงทำลายดาวเทียมพยากรณ์อากาศที่หมดอายุใช้งานแล้วของตนเอง สหรัฐฯ ก็ออกมาทดสอบความแม่นยำตอบโต้จีน ด้วยการยิงดาวเทียมใกล้พังของตัวเองบ้าง”

ขณะนั้นสหรัฐฯ ก็ออกมายืนยันว่า ตนเป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติการป้องกันมิให้ดาวเทียมตกลงมายังพื้นผิวโลก เพราะถังเชื้อเพลิงซึ่งมีสารพิษก็จะตกลงมาด้วย จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้

ความลับทางการทูตนี้ส่งตรงมาจากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนก.พ. 2551 เพียงหนึ่งวันหลังจากสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมของตน โดยในนั้นระบุว่า “จีนกำลังสงสัยคำอธิบายการยิงขีปนาวุธของสหรัฐฯ ที่อ้างว่าจะปกป้องมนุษยชาติจากสารพิษ”

เถิง เจี้ยนฉวิน รองเลขาธิการสำนักควบคุมและปลดอาวุธ บรรยายถึงการยิงขีปนาวุธฯ ของสหรัฐฯว่า “สหรัฐฯ ไม่มีความจำเป็นต้องยิง แต่สหรัฐฯ ต้องการหาโอกาสทดสอบระบบขีปนาวุธป้องกันของตนเองมากกว่า”

วิกิลีกส์แฉความเห็นของเถิงว่า การยิงขีปนาวุธของสหรัฐฯ เป็นโอกาสทองที่สหรัฐฯ จะส่งเสียงให้โลกรู้ว่า “ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ นั้นยังคงแข็งแกร่งและก้าวร้าว”

ข้อมูลลับฯ ยังเผยให้เห็นว่า “สถานทูตสหรัฐฯ ในจีนได้รับการยืนยันโดยตรงจากกองทัพสหรัฐฯ ในแปซิฟิก ถึงผลของการทดสอบยิงขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียมดังกล่าว”

ก่อนหน้านั้น (ก.พ. 2550) ทำเนียบขาวถึงกับตะลึง เมื่อจีนแสดงศักยภาพโจมตีทางอากาศ โดยยิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมเพื่อการพยากรณ์อากาศ สูงเหนือพื้นดิน 530 ไมล์ ของตนเอง ให้สหรัฐฯ ได้ดูเป็นขวัญตา

ต่อมา (ม.ค. 2551) นางคอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในสมัยนั้นได้เตือนจีนว่า “จีนยิงขีปนาวุธนำวิถี เป็นการทำลายระบบดาวเทียมอวกาศ ซึ่งสหรัฐฯและประเทศอื่น ๆ ใช้ประโยชน์เพื่อการค้าและความมั่นคงของประเทศ”

“การทำลายดาวเทียมเป็นอันตรายต่อประชาชน หากสหรัฐฯพิจารณามาแล้วว่าเป็นการละเมิดสิทธิของสหรัฐฯ หรือเป็นการเพิ่มความขัดแย้ง สหรัฐฯก็จะเข้าแทรกแซง”
เรือลาดตระเวน USS Lake Erie (CG-70) ปฏิบัติการในฮาวายเป็นลำแรกของทัพเรือสหรัฐฯ (ภาพเอเยนซี)
หนึ่งเดือนต่อมา โรเบิร์ต เกตส์ (รัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบัน) ก็ได้สั่งการให้เรือลาดตระเวน USS Lake Erie ยิงขีปนาวุธรุ่น SM 3 (Standard Missile 3) ไปยังดาวเทียมสอดแนมของสหรัฐฯ ชื่อ “USA 193” ซึ่งนับเป็นการยิงดาวเทียมครั้งแรกของสหรัฐฯ ในรอบ 23 ปี

อย่างไรก็ตามการยิงทำลายดาวเทียมได้สร้างความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ซึ่งจีนโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ได้แถลงในการประชุมสุดยอด เมื่อปี 2551 ว่า “สหรัฐและจีนไม่ได้เป็นทั้งมิตรและศัตรู”

อีกข้อมูลฯ หนึ่งอ้างว่า จีนกังวลแผนการที่สหรัฐฯ จะมาสร้างระบบเรดาร์ป้องกันภัยในญี่ปุ่น พร้อมกลับกล่าวหาว่าสหรัฐฯ กำลังพัฒนาระบบเลเซอร์ติดเครื่องบิน (airborne laser system) ที่สามารถโจมตีขีปนาวุธในระยะปล่อยจากฐานยิง เหนืออธิปไตยชาติอื่นได้

ข้อมูลล่าสุด (ม.ค. 2553) ชี้ว่า จีนประสบความสำเร็จในการใช้ขีปนาวุธรุ่น SC-19 ทำลายขีปนาวุธ CSS-X-11 ที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินถึง 150 ไมล์ ซึ่งปฎิบัติการนี้สหรัฐฯ พิจารณาว่าเป็นการทดสอบระบบขีปนาวุธป้องกันของจีน

ข้อมูลชี้ว่า นางฮิลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯคนปัจจุบัน ชี้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ก็กังวลในแผนการของจีน และสิ่งที่สหรัฐฯ เคยประกาศในเดือน ม.ค. ปี 2550 และม.ค. 2551 (ที่ว่าจะแทรกแซงการยิงขีปนาวุธของประเทศต่าง ๆ เพื่อปกป้องสิทธิและความมั่นคง) นั้นยังคงมีผลบังคับใช้
กำลังโหลดความคิดเห็น