เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - เว็บไซต์วิกิลีกส์แฉบันทึกลับทางการทูตของสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ สามารถล่วงรู้ความลับสุดยอดของจีน ที่เตรียมยิงทดสอบขีปนาวุธสกัดกั้นแบบ SC-19 เมื่อต้นปีก่อน และได้มีการแจ้งเตือนชาติพันธมิตรให้ระวังตัว ก่อนหน้าที่จีนจะลงมืออย่างน้อยสองวัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารระบุ ผลงานครั้งนี้แสดงว่า หลังจากที่จู่ ๆ จีนได้ออกมายิงขีปนาวุธทำลายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาอย่างเหนือความคาดหมายของประชาคมโลกเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งทำให้วิตกกันว่า จีนอาจกำลังแข่งขันด้านอาวุธในอวกาศนั้น พญาอินทรีก็ได้เร่งขยายเครือข่ายงานข่าวกรองครั้งใหญ่ จนกระทั่งสามารถล้วงตับของพญามังกรได้ในที่สุด
ในบันทึกลับของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ส่งถึงนักการทูตของตนในหมู่ชาติพันธมิตรเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ปีที่แล้ว ระบุว่า วอชิงตันทราบรายละเอียดการซ้อมยิง ที่มีความละเอียดอ่อนครั้งนี้ รวมทั้งสถานที่ตั้งของฐานยิง แบบของขีปนาวุธ จุดประสงค์ของการทดสอบ และวันเวลา ที่จะลงมือทำการ คือในวันที่ 11 ม.ค.
บันทึกลับได้ส่งไปยังสถานทูตสหรัฐฯ ในออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา และนิวซีแลนด์ เพื่อสั่งให้เอกอัครราชทูตแจ้งข้อมูลลับดังกล่าวแก่รัฐบาลชาติเหล่านี้
“เราคาดการณ์ว่า จีนอาจกำลังวางแผนใช้ขีปนาวุธ SC- 19 ทดสอบการยิงสกัดขีปนาวุธพิสัยกลางแบบ CSS-X-11 ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” บันทึกลับระบุ
ในบันทึกลับยังประเมินว่า จะมีการยิง SC- 19 จากศูนย์ทดสอบขีปนาวุธคู่เอ๋อร์เล่อในภาคตะวันตกของจีน ขณะที่ CSS-X-11จะปล่อยจากศูนย์อวกาศและขีปนาวุธซวงเฉิงจื่อ ห่างจากคู่เอ๋อร์เล่อไปทางตะวันออกราว 1,100 กิโลเมตร
นอกจากนั้น ยังเตือนชาติพันธมิตรว่า SC- 19 เคยใช้เป็นจรวดขับดันในการยิงทำลายดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา FY-1C เมื่อปี 2550 มาแล้ว พร้อมกับแสดงความหวังว่า ชาติพันธมิตรจะปิดปากเงียบ ก่อนหน้าการทดสอบ เพื่อปกป้อง “ ระบบและแหล่งข่าวกรอง ซึ่งมีความละเอียดอ่อน”
ปรากฏว่า ปักกิ่งได้ลงมือทดสอบตรงตามที่สหรัฐฯ คาดการณ์ทุกอย่าง และประกาศความสำเร็จในวันถัดมา โดยหาเฉลียวใจสักนิดไม่ว่า พญาอินทรีกับสมัครพรรคพวกเขารู้เรื่องราว จนบรรยายได้เป็นฉาก ๆ มาก่อนแล้ว
นาย ซีว์ กวงอี้ว์ นายพลนอกราชการของกองทัพจีน และนักวิจัยของสมาคมเพื่อการควบคุมและการปลดอาวุธของจีนมองเรื่องนี้ว่า บันทึกลับดังกล่าว หากมีการตรวจสอบว่า มีความถูกต้องเป็นจริงแล้ว ย่อมบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่า การข่าวกรองของพญาอินทรี ได้กางกรงเล็บเอื้อมถึงหัวใจของรัฐบาล หรือการทหารของจีนเรียบร้อย หรือไม่ก็เอื้อมถึงทั้งสองส่วนเลยทีเดียว
นายซีว์ยังให้ความเห็นในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ที่พญามังกรฟังแล้วคงเจ็บปวดราวกับกำลังถูกขอดเกล็ดว่า ที่ผ่านมา สหรัฐฯอาศัยดาวเทียมจารกรรม ที่เจ๋งที่สุด คอยสอดแนมความเคลื่อนไหวของฐานทัพจีนอย่างใกล้ชิด และจะสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ผิดปกติได้
ทว่าการได้ข่าว ซึ่งเป็นข้อมูล ที่มีความอ่อนไหวอย่างที่สุด เช่นแบบของขีปนาวุธ และกำหนดวันในการยิง แสดงว่า น่าจะมีลูกมังกรตัวใดตัวหนึ่งจากวงใน ทรยศต่อชาติ แอบคาบข่าวมาบอก
“ มีการประเมินการทดสอบนี้ว่า เพื่อพัฒนาทั้ง ASAT (สรรพาวุธทำลายดาวเทียม) และเทคโนโลยีป้องกันขีปนาวุธนำวิถีของจีน” บันทึกลับ ซึ่งส่งไปยังสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งวันที่ 12 ม.ค. วันถัดมาจากการซ้อมยิงของจีนระบุ
วอชิงตันยังสั่งให้นักการทูตของตนปิดปากให้สนิทเกี่ยวกับเรื่องการยิงทดสอบ และเรื่องขีปนาวุธ ห้ามแพร่งพรายความเกี่ยวข้องกันระหว่างการทดสอบยิงขีปนาวุธสกัดกั้นแบบ SC-19 กับการทดสอบยิง SC-19 ASAT เมื่อ 4 ปีก่อน
แม้นักวิเคราะห์และสื่อมวลชนหลายสำนักตั้งข้อสงสัยว่า การทดสอบทั้งสองน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เคยบอกว่ารู้เรื่องนี้ จนกระทั่งวิกิลีกส์เว็บไซต์จอมแฉเจ้าประจำออกมาเปิดโปงนี่แหละ ความลับของเมกาเลยแตก เรียกว่าความลับรั่วไหลกันเป็นทอด ๆ
นายซีว์ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังเล่นบทตีสองหน้ากับจีน ด้านหนึ่งก็กดดันให้รัฐบาลจีนแสดงความโปร่งใสด้านการทหารยิ่งขึ้น แต่อีกด้านนั้น สหรัฐฯ กลับลดความโปร่งใสของตนเอง
นายพลนอกราชการผู้นี้ชี้ว่า หากจีนไม่อาจรักษาความลับเกี่ยวกับการปล่อยขีปนาวุธของตนไว้ได้อีกต่อไปแล้ว พญามังกรก็จะไร้น้ำยาในการบุกโจมตีพญาอินทรีแบบสายฟ้าแลบ
แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า พญามังกรก็กำลังเฝ้าสอดแนมความเคลื่อนไหวด้านขีปนาวุธของอีกฝ่ายเช่นกัน
“ ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทำให้ชาติใหญ่ ๆ ต่างคอยจับตาอีกฝ่ายกันอย่างไม่กะพริบ” นายซีว์กล่าว
“แต่หากดูจากบันทึกลับนี้แล้ว ผมสงสัยว่า สหรัฐฯ กำลังอวดแสนยานุภาพด้านข่าวกรองของตนให้ชาติพันธมิตรเห็น”
“ สหรัฐฯ มิได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ก็แสดงนัยออกมาอย่างชัดเจนมากว่า คุณควรเดินตามผมนะ เพราะผมรู้มากกว่าคุณ” ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ให้ความเห็นอย่างน่าฟัง