เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ /เอเอฟพี - เมื่อวันที่ 27ม.ค. ราชากาสิโนมาเก๊า สแตนลีย์ โฮ ยื่นฟ้องร้องครอบครัวตนเองฐานควบคุมและครอบครองหุ้นส่วนในบริษัทอย่างไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย แต่ขณะนี้เปลี่ยนใจถอนฟ้องคดีทั้งหมดแล้ว
เมื่อคืนวันอาทิตย์ (30 ม.ค.) บรันสวิก กรุ๊ป บริษัทประชาสัมพันธ์ของโฮได้แถลงว่า “ดร.สแตนลีย์ โฮ ได้แจ้งให้ทายาททราบว่า เขาไม่เห็นประโยชน์จากการรอคอยกระบวนการตัดสินตามกฎหมาย จึงตัดสินใจไม่ฟ้องร้องคดีความแล้ว”
โดยก่อนหน้านั้น จำเลยที่โฮได้ฟ้องร้อง ได้แก่ นางชาน ภรรยาคนที่ 3 และลูกของภรรยาคนที่ 2 จำนวน 5 คนได้แก่ เดซี แพนซี เมซี โจซี และลอว์เรนซ์ ฐานเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นบริษัทของโฮ
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. โฮได้เขียนคำร้องยาว 4 หน้ากระดาษ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองเอกสาร และส่งให้ศาลสูงพิจารณาในวันที่ 29 ม.ค. โดยกอร์ดอน โอลด์แฮมเป็นนักกฎหมายที่ดูแลการยื่นให้โฮ
ความขัดแย้งที่กลายเป็นศึกชิงสมบัติตระกูลโฮนี้ กลายเป็นที่สนใจกว้างขวาง ทั้งในประเด็นการตัดสินใจของโฮที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ซับซ้อน เนื่องจากโฮมีลูก ๆ ถึง 17 คน ที่เกิดจากภรรยา 4 คน
สแตนลีย์ โฮ อภิมหาเศรษฐีธุรกิจกาสิโน มาเก๊า สร้างอาณาจักรธุรกิจของเขาด้วยหลายวิธี แม้กระทั่งลักลอบนำเข้าสินค้าหรูผ่านพรมแดนจีนสู่มาเก๊าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเขาคว้าทุก ๆ โอกาสที่ผ่านเข้ามา กิจการของเขามีตั้งแต่บริษัทค้าทอง ของเล่น เหล็ก เครื่องบิน เคมีภัณฑ์และธุรกิจเดินเรือ พร้อมกันนี้ก็ดำเนินธุรกิจซื้อขายที่ดินในฮ่องกงไปด้วยก่อนที่จะได้รับสัมปทานผูกขาดกิจการบ่อนการพนันในมาเก๊า ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโปรตุเกสที่เข้าครอบครองเกาะมาเก๊าในปี 2505 นอกจากนี้โฮยังมีสนามม้า และกิจการคาบาเรต์โชว์ จนสามารถสร้างชื่อเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและประสบความสำเร็จกลายเป็นบุคคลที่รวยสุดแห่งเอเชีย
คลิ๊กอ่าน เรื่องราวก่อนหน้า
ตอนที่ 1 ศึกชิงสมบัติ สแตนลีย์ โฮ เจ้าพ่อกาสิโนแห่งมาเก๊า
ตอนที่ 2 ศึกชิงสมบัติ สแตนลีย์ โฮ “จะเชื่อคำร้องไหนกันแน่”