xs
xsm
sm
md
lg

ศึกชิงสมบัติ สแตนลีย์ โฮ “จะเชื่อคำร้องไหนกันแน่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้าการฟ้องร้อง ช่วงการฟ้องร้อง ช่วงตัดสินใจไม่ฟ้องร้อง และตัดสินใจฟ้องร้องอีกครั้ง ของมหาเศรษฐีกาสิโนมาเก๊า สแตนลีย์ โฮ (ภาพเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ -- ถ้าหากศึกชิงสมบัติของราชาธุรกิจกาสิโน มาเก๊า “สแตนลีย์ โฮ” ต้องการให้ศาลเป็นผู้ตัดสินจริง ๆ ศาลคงกังวลหนักที่ต้องมาพิจารณาว่าคำร้องไหนถูกหรือผิดกันแน่ เพราะตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โฮ ยื่นคำร้องว่าไม่ฟ้อง แต่ตอนนี้กลับหันมาฟ้องร้องลูก ๆ และภรรยาอีกครั้ง

ตั้งแต่เรื่องที่โฮและครอบครัวขัดแย้งกันอย่างรุนแรงแพร่สู่สาธารณะ หลายฝ่ายก็ออกมาบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ก็มีบรรดาเศรษฐีที่ออกมาสนับสนุนโฮอย่างเต็มที่

เช้าวันพุธ (26 ม.ค.) โฮปรากฏตัวอยู่หน้าจอโทรทัศน์ และอ่านแถลงการณ์ที่เตรียมมาว่า เขามีความสุขที่จะแบ่งสันปันส่วนมรดกให้กับลูกเมีย และจะปลดกอร์ดอน โอลด์แฮมนักกฎหมายประจำตระกูลออกจากหน้าที่เสีย

เพียงชั่วข้ามคืน โอลด์แฮมก็ออกมายิ้มกริ่ม ปรากฏตัวที่ศาลสูง แสดงเอกสารลายมือของโฮ ซึ่งมีเนื้อหาเพื่อฟ้องร้องลูก ๆ 5 คน ภรรยา 2 คน และผู้ช่วยด้านการธนาคารอีก 1 คน ฐานควบคุมและครอบครองหุ้นส่วนในบริษัทอย่างไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย ทั้งนี้โอลด์แฮมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “การที่โฮพูดผ่านโทรทัศน์ ว่าไม่เอาเรื่องกับครอบครัวแล้ว เนื่องจากเขาถูกกดดันให้ทำเช่นนั้น”

ทว่าความเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืนเช่นนี้ ทำให้สาธารณชนไม่รู้จะเชื่อใครกันแน่

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายออกมาชี้ว่า “สมมติว่า โฮลงนามจริง และในขณะลงนามมีสุขภาพแข็งแรงสติสัมปชัญญะครบถ้วน เอกสารล่าสุดถือว่าเป็นบรรทัดฐานได้มากกว่าอันเก่า ซึ่งนั่นก็คือ คำร้องที่โอลด์แฮมถือมาที่ศาลสูงเมื่อวันพฤหัสบดี (27 ม.ค.)

แต่ทว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายและตรงไปตรงมา

นักกฎหมายกล่าวอีกว่า “เอกสารที่โฮลงนามตัดสินใจฟ้องร้องชิ้นใหม่นี้ กับเอกสารก่อนหน้าที่ระบุไม่ฟ้องภรรยาคนที่ 3 หรือนางชานนั้น มีเนื้อหาขัดแย้งกัน และอาจจะทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเอกสารชิ้นเก่านั้นระบุว่า โฮได้ตัดสินใจมอบอำนาจการควบคุมบริษัทแลนซ์ฟอร์ด ซึ่งถือเป็นหม้อข้าวหม้อแกงหลักของโฮ ให้กับนางชาน และลูก ๆ ของภรรยาคนที่ 2 อีก 5 คนอย่างแน่นอน และในเอกสารยังระบุด้วยว่า นี่เป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของโฮ”

เนื้อความเอกสารเก่ายังระบุด้วยว่า “ถ้าหากว่าใครเสนอเปลี่ยนแปลงการแบ่งหุ้นส่วนในบริษัทอีก โดยมีลายมือชื่อของข้าพเจ้ากำกับอยู่ ให้ถือว่าเนื้อหาที่ลงนามนั้นเป็นของปลอม และไม่สามารถใช้ประกอบเป็นเอกสารทางกฎหมายได้ และบุคคลใดที่ใช้เอกสารดังกล่าวควรได้รับการลงโทษตามกฎหมาย”

อีริค เฉิง ผู้ช่วยศาสตราจารย์นิติศาสตร์มหาวิทยาลัยฮ่องกงชี้ว่า “ถามว่านี่เป็นการตัดสินใจขึ้นสุดท้ายหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่แน่ เนื่องจากเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องพูดยาก เช่นว่าถ้าโฮลงนามใหม่อีก หรือเปลี่ยนใจยกหุ้นส่วนให้นี้ให้ลูกหลาน ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของโฮที่จะทำเช่นนั้น”

เฉิง กล่าวว่า การแบ่งมรดกหรือโอนทรัพย์สินจะไม่สมบูรณ์ถ้าหากยังไม่ได้ดำเนินการอย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น การลงนามโอนสมบัติใด ๆ ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นที่ศาลจะนำมาพิจารณา เช่น ได้รับอนุญาตจากสำนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ความถูกต้องตามกฎหมายอื่น ๆ ฯ

ฮวน หว่อง ประธานสภาทนายความ ได้กล่าวถึงหลักการทั่วไปว่า “เอกสารนั้นแม้ว่าจะมีลายเซ็น ก็กลายเป็นโมฆะได้หากลงนามขณะที่ถูกอิทธิพลหรือมีความกดดัน หรือลงนามไปโดยไม่เข้าใจเนื้อหาทั้งหมด” ซึ่งโอลด์แฮม ก็ได้ออกมาบอกว่า โฮถูกกดดันให้แถลงว่า ยกเลิกการฟ้องร้องเมื่อเช้าวันพุธ (26 ม.ค.)

สแตนลีย์ โฮ อภิมหาเศรษฐีธุรกิจกาสิโน มาเก๊า สร้างอาณาจักรธุรกิจของเขาด้วยหลายวิธี แม้กระทั่งลักลอบนำเข้าสินค้าหรูผ่านพรมแดนจีนสู่มาเก๊าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเขาคว้าทุก ๆ โอกาสที่ผ่านเข้ามา กิจการของเขามีตั้งแต่บริษัทค้าทอง ของเล่น เหล็ก เครื่องบิน เคมีภัณฑ์และธุรกิจเดินเรือ พร้อมกันนี้ก็ดำเนินธุรกิจซื้อขายที่ดินในฮ่องกงไปด้วยก่อนที่จะได้รับสัมปทานผูกขาดกิจการบ่อนการพนันในมาเก๊า ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลโปรตุเกสที่เข้าครอบครองเกาะมาเก๊าในปี 2505 นอกจากนี้โฮยังมีสนามม้า และกิจการคาบาเรต์โชว์ จนสามารถสร้างชื่อเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและประสบความสำเร็จกลายเป็นบุคคลที่รวยสุดแห่งเอเชีย โฮมีภรรยา 4 คน และมีบุตรธิดา 17 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น