xs
xsm
sm
md
lg

หลี่ น่า ดาวรุ่งนักกีฬาจีน ผู้อาจล้ำหน้า ซุปเปอร์สตาร์ เหยา หมิง, หลิว เสียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลี่ น่า ในท่าปลื้มสุดขีด หลังชนะคาโรไลน์ วอซเนียคกี นักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกชาวเดนมาร์ก ในศึกเทนนิส ออสเตรเลียน โอเพน แกรนด์ สแลม รอบรองชนะเลิศเมื่อวันพฤหัสฯที่ 27 ม.ค. (ภาพเอเอฟพี)
เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์--ดังทะลุฟ้าโลกกีฬาในเวลานี้ เห็นจะไม่มีใครเกิน นักเทนนิสหญิงสัญชาติจีน “หลี่ น่า” ผู้พิชิตชัยเหนือ คาโรไลน์ วอซเนียคกี นักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกชาวเดนมาร์ก ในศึกเทนนิส "ออสเตรเลียน โอเพน" แกรนด์ สแลม รอบรองชนะเลิศเมื่อวันพฤหัสฯที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ สนาม เมลเบิร์น ปาร์ค นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

หลี่ น่า กำลังลงสนามชิงชัยกับ คิม ไคลจ์สเตอร์ส มือสาม จากเบลเยี่ยม ในเทนนิส แกรนด์ สแลม รอบตัดเชือกวันเสาร์ที่ 29 ม.ค.นี้ ชิงเงินรางวัลรวม 25 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ประมาณ 750 ล้านบาท)

กลุ่มสื่อจีนเฮ! ลุ้นกันสุดใจขาดดิ้น พาดหัวข่าวหน้าแรก “หลี่ น่า นักเทนนิสเอเชียนหญิงคนแรก ที่บรรลุถึงสนามแกรนด์ สแลม รอบชิงชนะเลิศแล้ว...เฮ!...

“ชัยชนะระดับมหากาพย์” คือพาดหัวข่าวของสื่อภาษาอังกฤษชั้นนำของจีน Global Times เชิดชูชัยชนะของหลี่ น่า ที่สามารถคว่ำนักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา พร้อมลงภาพหลี่ น่า ขนาดใหญ่เกือบครึ่งหน้าของหน้าแรก ขณะที่หน้าแรกของสื่อยักษ์ใหญ่ภาษาอังกฤษรุ่นพี่ ไชน่า เดลี่ พาดหัว “โอกาสอันยิ่งใหญ่ของ หลี่” ใต้ภาพหลี่ ที่กำลังชูกำปั้นแสดงพลัง ประกาศชัยชนะของเธอ

บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ประชาชนจีน หรือพีเพิล เดลี่ ชี้ “หลี่ น่า กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่แก่วงการกีฬาจีน”

หลี่ น่า นักเทนนิสหญิง ที่กำลังย่างสู่วัย 29 ปีเต็ม ในเดือนก.พ.นี้ เธอเกิด วันที่ 26 ก.พ.1982(2525) ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศจีน หลี่ น่า เริ่มลงสนามกีฬาในวัยเด็ก โดยเล่นแบดมินตัน “เมื่อฉันเล่นแบดฯไปได้สองปี ครูฝึกก็บอกกับฉันว่า ฉันเล่นแบดมินตันได้ไม่ดี และดูน่าจะเล่นเทนนิสได้ดีกว่า...” หลี่ น่า รำลึกความหลังเมื่อตอนอายุ 9 ขวบ

หลี่ น่า จึงได้เปลี่ยนมาฝึกเล่นเทนนิส ต่อมาด้วยความคับข้องใจที่ไม่อาจไปถึง แกรนด์ สแลม เสียที ในปี 2002 หลี่ก็ทิ้งสนามฯไป และเข้าศึกษามหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งหวาจงในอู่ฮั่น เรียนเอกสาขาหนังสือพิมพ์

สองปีต่อมา เพื่อนๆจากทีมเทนนิสก็มาขอร้องให้เธอช่วยลงสนามแข่งขันทีมชาติ คำขอร้องนี่เองได้ดึงเธอกลับเข้ามายังสนามเทนนิสอีกครั้ง

“ทีมของฉันมาที่มหาวิทยาลัย ขอให้ฉันช่วย เนื่องจากพวกเขาไม่มีผู้เล่นมือดีเลย ดังนั้น ฉันจึงได้กลับมามาเล่นเทนนิสอีก ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉัน” หลี่ เล่า

และหลี่ ก็ได้เป็นหญิงจีนคนแรกที่คว้าแชมป์ ดับเบิลยูทีเอ (WTA) ที่ก่วงโจว (กวางเจา)ในปี 2004 (2547) และผู้เล่นชาวจีนคนแรกที่ได้ร่วมวงกลุ่มนักเทนนิสท็อปเทนของโลก
หลี่ น่า กับ เจียง ซาน ผู้เป็นทั้งโค้ช และสามี (ภาพเอเจนซี)
หลี่ น่า พลิกโฉมโลกกีฬาแดนมังกร

ชัยชนะเหนือมือหนึ่งของโลกในการแข่งขันเทนนิสหญิงเดี่ยวรอบรองชนะเลิศเมื่อวันพฤหัสฯ(27 ม.ค.) ส่งให้หลี่ กลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ ที่กลุ่มสื่อจีน ชี้ว่ากำลังบดบังรัศมีของซุปเปอร์สตาร์ บาสเก็ตบอลเหยา หมิง และหลิว เสียง

ขณะที่เหยา หมิง ยังไม่อาจฟื้นตัวจากการบาดเจ็บ และต้องห่างสนามไปอีกครั้ง ด้านซุปเปอร์สตาร์นักวิ่งกระโดดข้ามรั้ว หลิว เสียง ก็กำลังพยายามกลับมาสู่แท่นเหรียญทองอีก กัว จิงจิง และจัง อี๋หนิง ก็อำลาสนามไป ทิ้งโลกกีฬาจีนให้ตกอยู่ในสภาพไร้วีรบุรุษวีรสตรีผู้ดลใจและสร้างชีวิตชีวาแก่วงการ ประจวบเหมาะกับที่ หลี่ น่า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นวีรสตรีผู้ดลใจระดับสากลอย่างเต็มร้อยแล้ว ขณะที่เว็บไซต์ชื่อดัง thewiplist.com ประกาศอันดับชาวจีนที่ครองใจสาธารณชน ปรากฏว่าหลี่ น่า ได้คะแนนสูงอันดับที่หก และกลายเป็น “ผู้นำหมายเลขหนึ่ง” แห่งโลกกีฬาจีน

และในยุคที่ไร้ผู้ทรงบุคลิกภาพของวงการกีฬาแดนมังกรเช่นที่เป็นอยู่นี้ หลี่ น่า ก็เป็นผู้ที่อาจเข้ามาเติมเต็มความไร้นี้ได้... ด้วยบุคลิกภาพคือ เอกลักษณ์ของหลี่ น่า

หลี่ น่า หันหลังให้สนามเทนนิสตอนอายุ 20 ปี เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย สองปีต่อมาจึงได้หวนกลับสู่สนามฯในปี 2004 เหนือหน้าอกของเธอยังมีรอยสักลายดอกกุหลาบบนรูปหัวใจ ซึ่งสำหรับวงการกีฬาจีนแล้ว การสักลวดลายเช่นนี้นับเป็นการท้าทาย และ “ขบถ” ในปี 2008 (2551) หลี่ น่า ได้เมินการปฏิบัติแบบเก่าของทีมชาติ โดยว่าจ้างโค้ชของตัวเอง แทนที่จะใช้โค้ชที่ทางสมาคมเทนนิสแห่งชาติจีนจัดให้ ปลายปี 2010 เธอได้เปลี่ยนโค้ชมาเป็นสามีตัวเองคือ เจียง ซาน ในสนามการแข่งขัน บางครั้งหลี่ น่า ก็ยังสาดอารมณ์ใส่ผู้ที่เป็นทั้งโค้ชและสามีของเธอ นอกสนามฯเธอได้เข้าร่วมบริจาคทุนทรัพย์เพื่อการกุศลอย่างกระตือรือร้น ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างจริงใจ

หลี่ น่า ก้าวขึ้นมาเป็น “ยอดยุทธ์” ของวงการนักเทนนิสอาชีพ ด้วยความสามารถของตัวเอง จนไต่ขึ้นมาอยู่ในท็อปเทนของกลุ่มนักกีฬาเทนนิสจีน และมืออันดับเจ็ดของโลก หลี่ น่าพิชิตความนับถือจากทั้งชุมชนโลก และคู่แข่งขันด้วยเพราะความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้งของเธอ ตลอดจนเป็นมิตรที่รักของเหล่าซุปเปอร์สตาร์นักกีฬาด้วยกัน โดยมิตรภาพดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นจากความสามารถในการเข้าสังคม หากแต่มาจากความเป็นคนจริงของเธอ

ผู้คนชอบบุคลิกของหลี่ น่า ก็ตรงที่เป็นคนซื่อสัตย์ไม่เสแสร้งเก็บซ่อนความคิดที่แท้จริง และอารมณ์ขัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเธอปรารถนาสิ่งใดมากที่สุดในปี 2011 นี้ เธอตอบทันทีว่า “ฉันต้องการเงิน มีใครไม่ต้องการเงินหรือ? และฉันก็ได้มันมาด้วยความสามารถตัวเอง ฉันเป็นคน “ตีนติดดิน” และมั่นคงมากเลยนะ”

แต่จริงๆแล้ว หลี่ น่า ก็มิได้ลงสนามแข่งขันเพราะเงินอย่างเดียวเท่านั้น ผู้คนต่างซาบซึ้งและไม่เคยลืมว่า หลี่ น่า ได้ยกเงินรางวัลจากการแข่งขันชนะใน WTA Mutua Madrilena Madrid Masters ให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่อี้ว์ซู่ มณฑลชิงไห่เมื่อเดือนพ.ค. ปี 2010 ทั้งยังไม่ลืมกันว่า หลี่ น่าได้บริจาคเงิน 900,000 หยวน หรือ ราว 4.5 ล้านบาท ให้แก่สถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้าในเมืองอู่ฮั่น

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไม ถึงเริ่มตีตื้นขึ้นมาชนะเหนือวอซเนียคกีได้ช้านัก เธอตอบอย่างน่ารักว่า “เป็นเพราะสามีฉันนอนกรน ทำให้ฉันนอนไม่หลับเลยทั้งคืน” เรียกเสียงหัวเราะและตบมือจากฝูงชน

เมื่อหลี่ น่า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นวีรสตรีของโลกการกีฬาจีน เธอก็ได้ใช้ประสบการณ์ของตัวเอง เปลี่ยนแปลงวิธีคิดเก่าๆของวงการ โดยผู้คนต่างเริ่มหันมาตรวจสอบระบบการตัดสินฮีโร่การกีฬา นอกจากนี้ การตัดสินคุณค่าของฮีโร่ก็เริ่มที่จะไม่จำกัดอยู่ที่การแข่งขันและการฝึกฝนเท่านั้น สำหรับประเทศจีนแล้ว นี่คือ การพลิกโฉมยุคใหม่แห่งวงการกีฬาของประเทศ

ชมภาพ ลีลา หลี่ น่า นักเทนนิสสัญชาติจีน กับ คาโรไลน์ วอซเนียคกี นักเทนนิสหญิงมือหนึ่งของโลกชาวเดนมาร์ก ดวลศึกเทนนิส "ออสเตรเลียน โอเพน" แกรนด์ สแลม รอบรองชนะเลิศเมื่อวันพฤหัสฯที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ สนาม เมลเบิร์น ปาร์ค นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย (ภาพ เอเอฟพี/เอเจนซี)




หลี่ น่า จับมือ กับ คาโรไลน์ วอซเนียคกี

หลี่ น่า กับ ธงชาติจีน ในเมลเบิร์น วันที่ 28 ม.ค.(2554)
หลี่ น่า ในท่าสบายๆนอกสนาม  (ภาพเอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น