เซาท์ ไชน่ามอร์นิ่ง - กรุงปักกิ่งประกาศสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 เพื่อระบายความคับคั่งจอแจของท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง (BCIA) พร้อมกับเตรียมพัฒนาเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนรองรับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางของผู้โดยสาร
มีการยืนยันแผนการก่อสร้างสนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 นี้เป็นครั้งแรก หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดมานาน โดยดร. หลิว อิ้นฉุน รองผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการการพัฒนาและการปฏิรูปกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า กรุงปักกิ่งจะสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 ภายในเวลา 5 ปี โดยโครงการได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางแล้ว และจะบรรจุเป็นโครงการสำคัญของแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่12
สนามบินแห่งใหม่จะก่อสร้างที่เขตต้าซิง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2558 โดยโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขยายโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อผลักดันให้กรุงปักกิ่งกลายเป็นเมืองศูนย์กลางระหว่างประเทศ นอกจากนั้น ยังมีจุดประสงค์ เพื่อบรรเทาความแออัดคับคั่งของ BCIA ซึ่งเป็นสนามบิน ที่มีความจอแจพลุกพล่านมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศฮาร์ตสฟิลด์-แจ๊กสัน แอตแลนต้าในสหรัฐฯ
แนวคิดในการสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2545 หลังจากกรุงปักกิ่งได้รับการตัดสินให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 แต่ในที่สุดทางการก็ตัดสินใจให้สร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 ขึ้นที่ BCIA ซึ่งใช้งบประมาณก่อสร้าง 27,000 ล้านหยวน และเปิดใช้เมื่อปี 2551 ซึ่งมีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในจีน โดยจากข้อมูลของสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (Airports Council International) ระบุว่า มีผู้โดยสารขาเข้าและขาออกที่ BCIA จำนวน 55 ล้าน 2 แสนคนในไตรมาสแรกปีที่แล้ว
นอกจากนั้น ในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่12 ยังเสนอให้มีการสร้างเครือข่ายถนนและบริการต่าง ๆที่สอดรับกัน เพื่อสนับสนุนท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่ 2 โดยบางโครงการจะเริ่มเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ เช่นบริการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงปักกิ่ง-นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนมิ.ย.นี้ โดยสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงกว่า 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรถไฟความเร็วสูงสายนี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูง ที่เชื่อมระหว่างเมืองเสิ่นหยาง เมืองสือจยาจวง และ จังจยาโข่วอีกด้วย
ขณะเดียวกัน คณะผู้บริหารกรุงปักกิ่งยังคงให้เงินอุดหนุนสำหรับการพัฒนาและให้บริการระบบรถไฟใต้ดินในเมือง ซึ่งเป็นระบบ ที่มีความยาวที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ดร. หลิวยังระบุว่า ระบบรถไฟความเร็วสูงและทางด่วน ที่เชื่อมระหว่างเมืองต่าง ๆ จะส่งเสริมการดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างภูมิภาคต่าง ๆ โดยปักกิ่งต้องการให้อุตสาหกรรมการผลิตในเมืองย้ายไปยังเมืองใกล้เคียง ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่า และมีแรงงานทักษะต่ำอีกด้วย
