xs
xsm
sm
md
lg

เหล่าอี้ว์เหนิงเจี่ย : หญิงชรายังเข้าใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

老(lǎo) อ่านว่า เหล่า แปลว่า แก่
妪(yù) อ่านว่า อี้ว์ แปลว่า หญิงชรา
能(néng) อ่านว่า เหนิง แปลว่า สามารถ
解(jiě) อ่านว่า เจี่ย แปลว่า เข้าใจ

ภาพจาก http://www.hwjyw.com
ไป๋จีว์อี้ กวีเอกในสมัยราชวงศ์ถังนั้น ยามมีชีวิตอยู่เขามักจะจัดระเบียบบทกวีของตนเองอยู่หลายครั้ง โดยเขาได้บันทึกไว้ว่าตนได้ประพันธ์บทกวีไว้ทั้งสิ้น 3,840 บท หากนับกวีในยุคเดียวกัน นับว่าเขาประพันธ์บทกวีไว้มากเป็นอันดับหนึ่งของแผ่นดิน

ไป๋จีว์อี้ มีอีกนามหนึ่งว่า เล่อเทียน ในวัยหนุ่มผ่านชีวิตลำบากยากแค้น จึงมีความเข้าอกเข้าใจความทุกข์ทรมานจากความยากจนของคนในสังคม เมื่ออายุได้ 28 ปี เขาสอบจองหงวนได้ในตำแหน่งจิ้นซื่อจึงได้เข้ารับราชการ ต่อมาเนื่องจากกระทำผิดต่อราชสำนัก จึงถูกลดยศไปรับตำแหน่งขุนนางดูแลเมืองเจียงโจว สุดท้ายสังกัดกระทรวงยุติธรรม

ไป๋จีว์อี้เชื่อว่าบทกวีที่ดีต้องเข้าถึงประชาชน เข้าใจง่ายและเป็นที่น่าจดจำ ดังนั้นบทกวีของเขาจึงมีลักษณะเด่นคือเรียบง่าย ใช่คำตลาดทั่วไป เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย กระทั่งเล่ากันว่าบทกวีของเขาต้องทำให้หญิงชราเข้าใจได้ โดยทดลองอ่านให้ฟัง หากหญิงชราเข้าใจแล้ว เขาจึงจะนำบทกวีชิ้นนั้นมาลงบันทึกเพื่อเผยแพร่ แต่หากหญิงสูงวัยล้วนไม่เข้าใจ ไป๋จีว์อี้ก็จะแก้ไขบทกวีดังกล่าวให้เข้าใจง่ายขึ้น จึงจะลงบันทึกเอาไว้

ครั้งหนึ่ง หญิงชราซึ่งเป็นแม่บ้านของไป๋จีว์อี้ ได้เล่าเหตุการณ์ที่นางพบเห็นกับตาให้เขาฟังว่า ระหว่างที่นางเดินอยู่บนถนน พลันได้ยินเสียงคนร้องไห้ นางเดินเข้าไปดูจึงพบสตรีแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าขาดวิ่นกอดเด็ก 2 คนเอาไว้ แนบอก ที่ข้างกายมีรถม้าคันหนึ่งนั่งไว้ด้วยคนที่แต่งกายคล้ายนายพล หนำซ้ำนายพลผู้นั้นเอ่ยปากกับเด็กรับใช้เพียง 2-3 คำ เด็กรับใช้ก็รีบไปฉุดกระชากเด็กน้อยทั้งสองมาจากสตรีผู้นั้น เด็กทั้งสองร้องไห้พลางร้องเรียกมารดา ฝ่ายสตรีผู้นั้นก็ร่ำร้องเรียกหาบุตรทั้งสอง ทว่ารถม้าคันดังกล่าวก็ได้พาเด็กทั้งสองห่างออกไปทุกทีๆ สตรีคนดังกล่าวไม่อาจวิ่งตามได้ทัน สุดท้ายล้มฟุบไปกับกองฝุ่นที่ล้อรถม้าได้ทิ้งเอาไว้ หญิงแม่บ้านและผู้คนในละแวกจึงไปประคองนางลุกขึ้น ภายหลังจากการสอบถามพบว่า นายพลนายนั้นคือสามีของนางที่เพิ่งได้รับชัยชนะกลับมาจากการศึก ได้รับการตกรางวัลถึง 200 หมื่นตำลึง จึงได้ไปสมรสใหม่กับเด็กสาวเมืองลั่วหยาง ทอดทิ้งนางซึ่งเป็นภรรยาเดิม และช่วงชิงเอาบุตรทั้งสองไป

เมื่อไป๋จีว์อี้ ฟังจบ จึงได้ร่างบทกวีขึ้นมาจากเรื่องราวที่ได้ฟังสดๆ ร้อนๆ นั้น โดยเมื่อร่างเสร็จได้กล่าวกับแม่บ้านว่า "บทกวีนั้น หากคนเดินถนนฟังไม่เข้าใจก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นข้าจะอ่านให้ท่านฟังก่อน" เมื่อกล่าวจบก็เริ่มต้นอ่านบทกวี ส่วนหญิงแม่บ้านก็ฟังพลางผงกศีรษะพลาง จนเมื่อฟังเข้าใจทั้งบทกวีแล้ว ไป๋จีว์อี้จึงค่อยนำร่างบทกวีนั้นมาบันทึกต่อไป
 
สำนวน "เหล่าอี้ว์เหนิงเจี่ย" หรือ "หญิงชรายังเข้าใจ" ใช้เพื่อเปรียบเทียบถึงบทกวี บทความ บทเพลงหรือคำพูดที่สามารถถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย ขนาดหญิงสูงวัยยังสามารถฟังเข้าใจได้บุคคลอื่นก็สมควรเข้าใจ
 
(ที่สตรีชราถูกนับว่ามีความรู้น้อยกว่าผู้อื่นเนื่องเพราะสตรีจีนในยุคนั้นไม่มีโอกาสศึกษาร่ำเรียน ทั้งยังสูงวัยสภาพร่างกายเสื่อมถอย ความคิดความอ่านจึงเชื่องช้า)

ที่มา http://baike.baidu.com

กำลังโหลดความคิดเห็น