xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำจีนลั่นรัดเข็มขัด แต่ยังมุ่งเยียวยารอยร้าวในสังคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า แถลงนโยบายต่อที่ประชุมประจำปีสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือรัฐสภา ที่มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง ระหว่างเปิดการประชุมฯวันที่ 5 มี.ค. –ภาพเอเอฟพี
เอเจนซี-นายใหญ่รัฐบาลแดนมังกร แถลงในพิธีเปิดการประชุมประจำปีของรัฐสภาวันนี้ ย้ำจะต้องเยียวยาปัญหาสังคมไปพร้อมกับกระตุ้นอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยปัจจัยภายในประเทศ โดยจะยังทุ่มงบประมาณอัดฉีดการใช้จ่ายในภาคชนบท และประกันสังคม แม้ว่าขณะนี้รัฐบาลควรรัดเข็มขัดการใช้จ่ายแล้วก็ตาม

การประชุมประจำปีสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (เอ็นพีซี) หรือรัฐสภา เริ่มขึ้นแล้วในวันศุกร์(5 มี.ค.) ที่มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง โดยนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่าได้ขึ้นกล่าวแถลงนโยบายประจำปี เผยภารกิจประจำปีของผู้นำ ต่อสมัชชาผู้แทนประชาชนฯ ที่มีผู้แทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุม ร่วม 3,000 คน

นายกฯเวิน ได้เตือนว่าแม้เศรษฐกิจจีนได้ฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้เงาดำของปัญหาเศรษฐกิจโลกในปี 2553 นี้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเคร่งครัดดำเนินนโยบายที่วางไว้ แต่ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางเมื่อจำเป็นเพื่อฝ่ามรสุมวิกฤตเชื่อถือโลก

เวินยังย้ำถึงการรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนปรนในระดับที่เหมาะสม และนโยบายการคลังแบบรุกเช่นเดิม โดยไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ด้านตลาดเงินมีปฏิกรยาเพียงเล็กน้อยต่อคำแถลงของเวิน ส่วนกลุ่มนักวิเคราะห์พากันชี้ว่ารัฐบาลจีนจะเน้นการควบคุมภาวะเงินเฟ้อมากขึ้น โดยจะกวาดล้างเงินที่ล้นเกินในระบบเศรษฐกิจที่บานตะไทจากการปล่อยกู้ของเหล่าธนาคารเมื่อปีที่แล้วเพื่อสนองแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ตัวเลขอังตราเติบโตตกลง

สำหรับนโยบายเงินหยวน ที่เป็นประเด็นขัดแย้งการค้าโลกอยู่นั้น เวินได้ส่งสัญญาณยังคงระมัดระวังในการปรับค่าหยวน โดยย้ำประโยคเดิมๆที่พูดมาตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกระเบิดขึ้นเมื่อกลางปี 2551 ว่า “จะต้องรักษาเสถียรภาพค่าเงิน”
ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา (คนที่สองจากซ้าย) นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า (คนที่สองจากขวา) ในการประชุมเตรียมการเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ก่อนเปิดม่านการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีน-ภาพรอยเตอร์
ชะลอการใช้จ่าย เบรกปล่อยกู้ แต่ต้องจ่ายเพื่อสังคมและเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง

สืบเนื่องจากแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดสี่ล้านล้านหยวนที่รัฐบาลจีนงัดออกมาต่อสู้กับภาวะชะลอตัวในปลายปี 2551 และหนุนการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ทำให้เงินทะลักในระบบเศรษฐกิจ จนน่ากลัวจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ ทำให้รัฐบาลต้องเบรกการปล่อยกู้ของธนาคารในปีนี้

แต่เวินก็ย้ำว่าจะต้องปรับปรุงด้านประกันสังคม บริการด้านการรักษาพยาบาล และบริการอื่นๆในเขตชนบท ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และรับมือกับความแตกแยกในสังคม ที่กำลังขยายวงกว้างเนื่องจากความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยในต้นสัปดาห์คณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปและการพัฒนาเผยอัตราช่องว่างระหว่างคนในเขตเมืองและชนบท ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปี

แผนกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่ได้อัดฉีดเงินทุนไปยังโครงการสาธารณูปโภคในปลายปี 2551 นั้น ทำให้จีนรอดพ้นจากวิกฤตถดถอย โดยได้ดันอัตราเติบโตขึ้นมาที่ร้อยละ 8.7 ซึ่งจัดว่าโตเร็วสุดในกลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลก แต่เวินก็มิได้ลิงโลด กลับเตือนว่ารัฐบาลยังต้องกระตุ้นการเติบโตที่มาจากปัจจัยภายในมากกว่านี้ โดยทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกำลังช่วยเหลือการประกันสังคม ขยายรายได้ และการรักษาพยาบาล ความเชื่อมั่นดังกล่าวนี้เอง เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศซึ่งขณะนี้ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ดำเนินไปอย่างมั่นคง

“ขณะนี้แรงขับดันเศรษฐกิจที่มาจากปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่พอ” เวินกล่าวขณะอ่านแถลงการณ์นโยบายประจำปี ที่มีความยาว 36 หน้า พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลได้ตั้งเป้าจีดีพีที่ร้อยละ 8 เช่ยเดียวกับปีๆที่ผ่านมา และอัตราเงินเฟ้อ ราว ร้อยละ 3 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากเมื่อมองแรงกดดันด้านราคา

เวินได้ประกาศว่าจะขยายการใช้จ่ายด้านสังคมโยรวม ร้อยละ 8.8 และอีกร้อยละ 12.8 ให้แก่ภาคชนบท ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่สูงกว่าการใช้จ่ายด้านทหารร้อยละ 7.5 ของปีนี้ เพื่อลดช่องว่างความมั่งคั่ง ที่กลุ่มนักเศรษฐกิจโทษว่าเป็นปัญหาที่บั่นทอนการบริโภคภายใน

และยังสัญญาจะเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนยากจน และเกษตกร ราว 700 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากเกินกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม การขยายการใช้จ่ายในภาคเกษตรกรรมและประกันสังคมที่ตั้งคาดการณ์ไว้ ก็ยังต่ำกว่าในปี 2552


“ปักกิ่งกำลังส่งสารให้แก่กลุ่มรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลได้เปลี่ยนนโยบายจากที่เคยมุ่งดันอัตราเติบโตลูกเดียว หันมาปรับสมดุลเพื่อรักษาการเติบโตไปพร้อมๆกับการควบคุมเงินเฟ้อ” ชีว์ หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ แห่ง HSBC กล่าว

ด้านคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ยังตั้งเป้าแบบอนุรักษ์ฯ โดยจะรักษายอดขาดดุลงบประมาณ ต่ำกว่าร้อยละ 3 ของรายได้ประเทศ ขณะที่ทำเนียบขาวประมาณการณ์ยอดขาดดุลงบประมาณสหรัฐฯในปีนี้ จะสูงร้อยละ 10.6 ของจีดีพี ทั้งนี้ ในปีที่แล้ว ยอดขาดดุลฯจีนมีเพียงร้อยละ 2.2 ของจีดีพี แม้ได้ทุ่มทุ่นอัดฉีดการใช้จ่ายภาครัฐครั้งมโหฬาร.
คนงานจีนคุยโทรศัพท์ ขณะนายกฯเวิน เจียเป่า แถลงนโยบายประจำปี และลั่นสัญญาเยียวยาความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างเปิดประชุมประจำปีรัฐสภาวันที่ 5 มี.ค.-ภาพรอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น