xs
xsm
sm
md
lg

จีนส่งสัญญาณถึงสหรัฐฯ ลดถือตราสารหนี้ฯ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การลดปริมาณการถือตราสารหนี้สหรัฐฯ ลง ถูกบรรดานักวิเคราะห์ตีความกันหลากหลาย ทั้งในมุมของการส่งสัญญาณตอบโต้สหรัฐฯ และเพื่อลดภาระและปรับสภาพการเงินของจีนเอง เปรียบเหมือนการยิงนกสองตัว ด้วยธนูดอกเดียว (ภาพเอเอฟพี)
เอเอฟพี-จีนลดปริมาณการถือตราสารหนี้สหรัฐฯ ลง ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยญี่ปุ่นกลับมาเป็นประเทศผู้ถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯ รายใหญ่สุด

เอเอฟพีอ้างรายงานการถือครองตราสารหนี้ระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ถึงมูลค่าตราสารหนี้ที่จีนถือครองในเดือน ธ.ค. ปี 2552 ลดลงไป 3.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.3% รวมมูลค่า 7.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นประเทศผู้ถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯ รายใหญ่สุดช่วงสิ้นปี 2552 อีกครั้ง ในรอบ 15 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2551 ด้วยมูลค่าตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่ถือครองอยู่ราว 7.68 แสนล้านดอลลาร์ สูงขึ้น 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ การเริ่มลดปริมาณถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯ มีขึ้นหลังความขัดแย้งที่กระทบต่อสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น บรรดานักวิเคราะห์จึงกล่าวว่า ในเบื้องต้นนี้ จีนคงลดการถือครองตราสารหนี้ เพื่อง้างกับรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อน โดย เอสวาร ปราสาด ศาสตราจารย์ด้านนโยบายการค้าพาณิชย์ จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลล์ อดีตหัวหน้าฝ่ายจีน ในกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวกับเอเอฟพีว่า การปล่อยขายตราสารหนี้สหรัฐฯ ของจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อาจจะเป็นสัญญาณทางเศรษฐกิจและการเมืองที่จีนส่งถึงรัฐบาลโอบามา

เอสวาร เสริมว่า บรรดาผู้นำจีน กำลังตอบโต้สหรัฐฯ ให้ลดละเลิกกดดันในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายการค้าต่างๆ ไปจนถึงก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของจีนทั้งในด้านการเมืองและประเด็นสิทธิมนุษยชน

แต่ นิโคลาส ลาร์ดี ผู้เชี่ยวชาญจีน จากสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ปีเตอรสัน ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ยอดตราสารหนี้ที่จีนลดการถือครองในเดือนธ.ค.นั้น ถือว่า “เล็กน้อยมาก” และอย่าเพิ่งไปตีความอะไรใหญ่โต ทั้งนี้ จีนยังช่วยอุ้มหนี้กว่า 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในบรรดาองค์กรต่างๆ เช่น บรรษัท Fannie Mae และ Freddie Mac ซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ผู้ปล่อยกู้ไปมหาศาลสำหรับการซื้อบ้านในสหรัฐฯ ในวิกฤติซัปไพรม์

เดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ทิมโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เดินทางไปจีน เพื่อย้ำความมั่นใจกับผู้นำจีน ว่า การซื้อตราสารหนี้สหรัฐฯ มี “ความมั่นคงสูงมาก” ทั้งที่สหรัฐฯ กำลังขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล

ขณะนี้ แม้โอบามา จะพยายามชวนให้จีนคว่ำบาตรอิหร่าน แต่ดูเหมือนสหรัฐฯ ก็ยังคงสร้างความขุ่นเคืองให้จีน ที่ล้วนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองมาเรื่อยๆ ล่าสุดคือสหรัฐฯ เมินเฉยต่อคำวิงวอนของจีน เพื่อให้ยกเลิกการพบปะกับองค์ทะไลลามะ ผู้นำพลัดถิ่นทิเบตที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. นอกจากนั้นยังมีเรื่องค้าอาวุธให้ไต้หวัน คำกล่าวหาของกูเกิล กระหน่ำกดดันนโยบายค่าเงินหยวน และนโยบายการค้าต่างๆ ของจีน

นักวิเคราะห์จาก Stratfor กล่าวว่า การตอบโต้สหรัฐฯ คงไม่ไช่เหตุผลเดียวของการลดการถือครองตราสารหนี้ เพราะการทำเช่นนั้น อาจจะมีผลต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของจีนด้วย โดยมีการคาดว่า จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลกนั้น อาจจะโยกเงินไปลงทุนในโครงการอื่นๆ แทนที่จะลงทุนในตราสารต่างๆ ที่มูลค่าสกุลเงินและตราสารหนี้สหรัฐฯ ถูกกร่อนลง

ขณะที่ โฮเวิร์ด ไซมอน นักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ตลาดตราสาร จาก Bianco Research ในชิคาโก ได้กล่าวเมื่อต้นเดือนก.พ.ว่า ด้วยความจำเป็นที่จีนต้องสำรองค้ำประกันบรรดาธนาคารจีนมากขึ้น สามารถเหนี่ยวรั้งศักยภาพการเงินของจีนหรือชะลอความต้องการที่จะซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ได้

ทั้งนี้ จีนได้โอบอุ้มหนี้ขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลูกค้าส่งออกรายใหญ่ของจีนไว้ โดยทุ่มเงินก้อนใหญ่จากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีมากถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ลงในพันธบัตรตราสารหนี้สหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น