ชี้การผลิตเหล็กจีนไม่ล้นอุปสงค์ อาจดันราคาวัตถุดิบโลกแพง

เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล-ชี้จีนกำลังครอบงำอุตสาหกรรมเหล็กอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังดีมานด์เหล็กในจีนปีนี้ส่อเค้าพุ่งต่อเนื่อง และการขยายการผลิตที่ดูท่าแล้วจะไม่ล้ำเกินปริมาณความต้องการ ก็จะดันราคาวัตถุดิบโลกพุ่งสูง

จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่าจะเพิ่มอัตราการผลิตเหล็กกล้าอีกเกือบร้อยละ 10 ทว่าปริมาณดังกล่าวอาจยังไม่เพียงพอต่อการตอบสนองดีมานด์ของจีน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเหล็กกล้าและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต แม้กระทั่งถ่านหิน ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก

ผู้ผลิตเหล็กกล้าหลายแห่ง รวมทั้งบริษัท ริโอ ทินโต (Rio Tinto) ซึ่งขายสินแร่เหล็กส่วนใหญ่ให้แก่จีน กำลังเริ่มการผลิตใหม่อีกครั้ง หลังโรงงานหลายสิบแห่งต้องหยุดทำการลงจากพิษเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่วน อาร์เซลอร์มิททาล (Arcelor Mittal) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดในโลก และเป่าสตีล กรุ๊ป คอร์ป(Baosteel Group Corp) ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่สุดของจีน ก็กำลังปรับขึ้นราคา

ขณะนี้ จีนกำลังสนับสนุนการผนึกกำลังโดยการควบรวมวิสาหกิจเหล็กจำนวนมากที่กระจัดกระจาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ และเพิ่มอำนาจในการเจรจาต่อรองราคาเหล็กโลกและราคาซื้อขายวัตถุดิบ

และคาดกันว่าในปีนี้ จีนจะสามารถทุบสถิติยอดผลิตเหล็กกล้าสุทธิที่ 600 ล้านเมตริกตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของกำลังผลิตรวมจากทุกประเทศทั่วโลก โดยประเทศผู้ผลิตอันดับสองอย่าง ญี่ปุ่น จะมียอดการผลิตเพียงหนึ่งในหกของตัวเลขดังกล่าว ขณะที่สหรัฐอเมริกามีการผลิตเหล็กเป็นอันดับสี่ ตามหลังรัสเซีย

การฟื้นตัวของจีนเป็นแสงสว่างเล็กๆ ในปีที่อุตสาหกรรมเหมืองแร่ซบเซา ซึ่งมีทั้งการปลดพนักงาน การปิดเหมือง การถอนการผลิตและการลงทุน สืบเนื่องจากราคาแร่ตกต่ำ และจีนยังจะสยายปีกต่อเนื่องในอุตสาหกรรมเหล็กร่วมกับอินเดีย

นายปีเตอร์ เอ็ม ฟิช นักเศรษฐศาสตร์ แห่ง MEPS International บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านเหล็กกล้า ชี้ว่า ยอดการผลิตและดีมานด์เหล็กกล้าในจีนมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ แม้เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ที่กำลังแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่ากับศักยภาพการเติบโตของจีน

ขณะนี้ ราคาสินแร่เหล็กในตลาดซื้อขายทันที อยู่ที่ประมาณ 110 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ขณะที่ราคาถ่านหินสำหรับโรงงานเหล็กและการผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 30 หลังปีที่แล้วจีนควบคุมการผลิตเนื่องจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

"สินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิดได้ฟื้นตัวจนทะลุระดับที่คาดการณ์ไว้แล้ว" เดวิด บัตเลอร์ นักวิเคราะห์แห่ง เจพี มอร์แกน คาเซโนฟ กล่าว

ขณะที่ นายโรบิน วอล์คเกอร์ โฆษกของริโอ ทินโต กล่าวว่า นักเศรษฐศาสตร์กำลังทบทวนแผนงานตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยพิจารณาจากดีมานด์ในจีน โดยรายงานล่าสุดบ่งชี้ว่า การเติบโตในจีนอาจขยายตัว

ทั้งนี้ บีเอชพี บิลลิตัน (BHP Billiton) บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ที่สุดของโลก, ริโอ ทินโต, ฟอร์เทสคิว เมทัล กรุ๊ป (Fortescue Metals Group) ผู้ผลิตสัญชาติออสเตรเลียน และวาเล (Vale) ของบราซิล กำลังปรับเพิ่มการผลิตสินแร่เหล็กและถ่านหิน เพื่อตอบสนองดีมานด์ในแดนมังกรที่คาดว่าจะถีบตัวสูงขึ้น

ขณะที่ เป่าสตีล ผู้ผลิตรายใหญ่ของจีน กล่าวว่า จะปรับขึ้นราคาเหล็กแผ่น อีกร้อยละ 5 ในช่วงต้นเดือนก.พ. ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นราคาครั้งที่สามในรอบหลายเดือน

มิเชล แอปเปิ้ลบอม นักวิเคราะห์แห่ง MARI บริษัทวิจัยในชิคาโก คาดว่า ราคาเหล็กกล้าในจีน ยุโรป และสหรัฐฯ จะยังคงปรับตัวขึ้น ต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มในเดือนม.ค. และระบุว่า ดีมานด์เหล็กกล้าในจีนยังมีสูง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้นกำลังก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อแบบพายุหมุน (inflationary spiral) ในภูมิภาค

สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีน กลุ่มผู้ค้าเหล็กกล้ารายหลักของจีน ชี้ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่และแผนการก่อสร้างสาธารณูปโภค ซึ่งได้แก่ รางรถไฟ ถนนและสะพาน ในภาคตะวันออก รวมถึงการก่อสร้างทั่วไปและการก่อสร้างโรงงานในภาคตะวันตกของประเทศ ทำให้ดีมานด์เหล็กกล้าพุ่งสูงขึ้น โดยเหล็กกล้าที่ผลิตได้เกือบทั้งหมดจะถูกบริโภคภายในประเทศ

นาย ลักศมี มิททาล ซีอีโอของ อาร์เซลอร์มิททาล ชี้ว่า ในปลายปีที่แล้ว กลุ่มผู้ผลิตเหล็กกล้าในจีนยืนหยัดเก็บตุนสินค้าเอาไว้แทนที่จะทุ่มขายในตลาดต่างประเทศ ส่งผลให้ราคาเหล็กกล้าทั่วโลกขยับตัวสูงขึ้น

อนึ่ง ในสัปดาห์นี้ ออสเตรเลียและจีนได้ลงนามข้อตกลงซื้อขายหุ้นบริษัทเหมืองแร่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย โดยบริษัท Yanzhou Coal Mining Co. ทุ่มเงินจำนวน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อบริษัท Felix Resources Ltd ของออสซี่ ซึ่งอาจมีการซื้อขายอื่นๆตามมาอีกในปีนี้