《不堪回首》
不 (bù) อ่านว่า ปู้ แปลว่า ไม่
堪 (kān) อ่านว่า คาน แปลว่า สามารถทนทานได้
回首 (huíshǒu) อ่านว่า หุยโส่ว แปลว่า รำลึกถึงอดีต
ค.ศ. 960 สมัยที่เจ้าควงอิ้น(ซ่งไท่จู่) สถาปนาราชวงศ์ซ่ง ได้ดำเนินนโยบายรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น โดยการเดินหน้าปราบปรามรัฐที่สืบต่อมาจากยุคห้าราชวงศ์สิบแคว้น เช่น โฮ่วสู่ หนันฮั่น หนันผิง เป็นต้น จากนั้นจึงได้มุ่งลงใต้โดยมีเป้าหมายต่อไปที่แคว้นหนันถัง ซึ่งในขณะนั้นปกครองโดยหลี่อี้ว์ (หลี่โฮ่วจู่)
หลี่อี้ว์เป็นกษัตริย์ที่อ่อนด้อยในด้านการทหารและการปกครอง แต่มีความโดดเด่นทางด้านดนตรี ศิลปะ โคลงกลอนและการเขียนอักษรจีนอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากเติบโตอยู่ในวัง ใช้ชีวิตหรูหรา ดังนั้นบทกวีที่หลี่อี้ว์ประพันธ์จึงมักพรรณาถึงแต่บรรยากาศและชีวิตในรั้ววังเท่านั้น นอกจากนี้ หลี่อี้ว์มีฮองเฮาที่ทรงพระศิริโฉมและถนัดจัดเจนในการร่ายรำและศิลปะ แต่โชคร้ายที่ลาโลกไปตั้งแต่ยังสาว ต่อมาจึงได้น้องสาวของฮองเฮามาเป็นภรรยาอีกคน ในช่วงนี้หลี่อี้ว์ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ วันๆ ร่ำสุรา ร่ายเพลงกวี โดยไม่สนใจว่าราชการและดูแลบ้านเมือง
ราชวงศ์ซ่งรุกรานเข้ามาเรื่อยๆ แต่หลี่อี้ว์ยังคงเมามายในรสสุราและโคลงกวี นึกถึงเพียงความสุขสบายในวันนี้ ทั้งยังยอมถอดชื่อแคว้นตัวเองออกเพื่อเป็นการแสดงความอ่อนข้อ แต่เจ้าควงอิ้นยังคงไม่วางพระทัยเนื่องจากหนันถังเป็นแคว้นใหญ่ ดังนั้นฤดูใบไม้ร่วง ค.ศ. 974 เจ้าควงอิ้นจึงส่งทูตมายังแคว้นหนันถัง 2 คราเพื่อเชิญ หลี่อี้ว์ ไปพบยังเมืองไคฟง แต่หลี่อี้ว์ รู้ว่าคำเชิญดังกล่าวเป็นแผนลวงตนไปเพื่อลอบสังหาร จึงอ้างว่าประชวรและปฏิเสธคำเชิญนั้นเสีย เจ้าควงอิ้นจึงได้ทีอาศัยการปฏิเสธนี้เป็นข้ออ้างว่าหนันถังแข็งข้อ และส่งทัพนับแสนนายเดินทางมาบุกโจมตี
ต้นปีถัดมา เมื่อทหารซ่งบุกมาถึงฝั่งตอนเหนือของแม่น้ำแยงซีเกียง หลี่อี้ว์กลับยังหลงเข้าใจว่ากองทัพซ่งคงไม่สามารถข้ามน้ำมาได้ จึงวางพระทัย เอาแต่ถกปัญหาธรรมอยู่กับนักบวชในวังหลวง มีเพียงวันหนึ่งที่บังเอิญมองออกไปนอกวัง พบว่ากองทัพซ่งมาถึงหน้าวังหลวงแล้ว แม้จะรีบสั่งกองทหารให้เตรียมการรบก็ไม่ทันการณ์
ด้วยเหตุนี้ หนันถังจึงถึงกาลวิบัติในฤดูหนาวของปีเดียวกันนั้นเอง ส่วนหลี่อี้ว์ก็ถูกจับตัวมายังเมืองไคฟง
เมื่อมาถึงไคฟง เจ้าควงอิ้นมิได้สั่งประหารหลี่อี้ว์ในทันที แต่คงกักบริเวณไว้ในเมือง ทั้งยังมอบยศขุนนางให้ แต่เป็นการมอบให้ด้วยความดูแคลน โดยมีชื่อตำแหน่งว่า "ฝืนคำสั่ง" (违命侯) หลี่อี้ว์เดิมทีมีนิสัยอ่อนไหว เมื่อต้องมาใช้ชีวิตประดุจนักโทษ โดนดูถูกดูแคลน จึงมีท่าทางที่เซื่องซึมและทุกข์ทรมานยิ่งนัก
ต่อมา เมื่อเจ้าควงอิ้นสวรรคต เจ้าควงอี้ (ซ่งไท่จง) ผู้เป็นอนุชาซึ่งมีอุปนิสัยโหดร้ายกว่าพระเชษฐาก็ขึ้นครองราชย์แทน
ครั้งหนึ่ง หลี่อี้ว์ ได้ประพันธ์บทกวีที่ชื่อว่า "หญิงงามแซ่อี๋ว์" (虞美人: อี๋ว์เหม่ยเหยิน) ขึ้นโดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า "ลมบูรพทิศพัดหอน้อยในคืนก่อน สุดทานทนหวนคำนึงถึงเมืองเก่าใต้แสงจันทร์" ซึ่งความหมายของบทกวีสื่อถึงยามรุ่งเรืองในอดีตที่ไม่อาจย้อนคืนมา เมื่อหวนคิดถึงก็รังแต่เจ็บปวดและเศร้าหมอง
เมื่อเจ้าควงอี้ ได้ทรงทราบถึงเนื้อหาข้อความในบทกวีก็เกรงว่าหลี่อี้ว์จะคิดกบฏต่อราชวงศ์ซ่ง เมื่อค.ศ. 978 วันที่ 7 เดือน 7 ในงานเลี้ยงวันเกิดของหลี่อี้ว์ พระองค์จึงได้ส่งสุราใส่ยาพิษให้คนนำมามอบให้หลี่อี้ว์ดื่ม จนสิ้นชีพไปในที่สุด
"ปู้คานหุยโส่ว" หรือ "สุดทานทน รำลึกอดีต" เป็นประโยคหนึ่งในบทกวี "หญิงงามแซ่อี๋ว์" ซึ่งใช้หมายความถึงการหวนคำนึงถึงอดีตที่ผ่านไปแล้วและไม่มีทางหวนคืนมา จนทำให้สะทกสะท้อนใจ ทุกข์เศร้าจนยากที่จะทานทนไหว
สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่ง ภาคแสดง
ตัวอย่างประโยค
那些伤心的往事,不堪回首,我们还是不要提了。
เรื่องในอดีตที่ทำให้เจ็บปวดพวกนั้น ~ พวกเราอย่าไปพูดถึงมันอีกเลย
ที่มา http://baike.baidu.com/
* บทกวี "หญิงงามแซ่อี๋ว์" (虞美人: อี๋ว์เหม่ยเหยิน) ต่อมา เติ้งลี่จวินได้นำมาขับร้องเอาไว้ โดยใช้ชื่อเพลงว่า “จี่ตัวโฉว" (几多愁) หรือ “ทนทุกข์เพียงไร” --- คลิกเพื่อฟังเพลง