xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งท้องถิ่นฯ ไต้หวัน ฝ่ายค้านได้ที่นั่งเพิ่ม นักวิเคราะห์ชี้ ผู้นำฯ อาจต้องปรับนโยบายจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดีไต้หวัน หม่า อิงจิ่ว
เอเจนซี-นักวิเคราะห์ชี้ ผู้นำไต้หวันอาจต้องชะลอความร้อนแรงในการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีน หลังผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี-สมาชิกสภาท้องถิ่นเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ชี้ให้เห็นถึงความอึดอัดที่ชาวไต้หวันมีต่อนโยบายดังกล่าวของเขา

ในการเลือกตั้งทั้ง 17 เขตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พรรคก๊กมินตั๋งของประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว ชนะการเลือกตั้งใน 12 เขต ขณะที่ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า(ดีพีพี) ได้ 4 เขต โดยอีกที่นั่งเป็นของผู้สมัครอิสระฯ ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด

การเลือกตั้งครั้งนี้ มีชาวไต้หวันออกมาใช้สิทธิ 7 ล้านคน ซึ่งถือเป็นลงประชามติต่อการทำงานของผู้นำไต้หวัน นับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤษภาคม 2551

ทั้งนี้ หม่า อิงจิ่วได้รับเลือกขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดจากคำมั่นสัญญาว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวัน ที่มีประชากรกว่า 23 ล้านคน ด้วยการดำเนินนโยบายกระชับสัมพันธ์กับจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังเติบโตรวดเร็ว

สัญญาณแห่งความไม่พอใจ

ชัยชนะของหม่า ถูกมองว่า เป็นสัญญาณแห่งความไม่พอใจของชาวไต้หวันที่ต้องอยู่ภายใต้ความตึงเครียดที่เก่าเก็บและไม่ก่อประโยชน์กับจีนภายใต้การบริหารของพรรคดีพีพี แต่ผลการเลือกตั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเป็นข้อบ่งชี้ว่า ชาวไต้หวันกำลังเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง

ฉู ยุ่งหมิง นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ซูโจว ในกรุงไทเปกล่าว “ประธานาธิบดีหม่า คงต้องปรับหรือไม่ก็ชะลอนโยบายกระชับความสัมพันธ์กับจีน”

จอร์จ ไช่ ผู้เชี่ยวชาญกิจการจีน แห่งมหาวิทยาลัย วัฒนธรรมจีน ในไทเป กล่าวว่า หม่าอาจจะต้องระมัดระวังและดำเนินนโยบายอย่างอนุรักษ์นิยมมากขึ้น หากเขามองว่า ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นของชาวไต้หวันเป็นความไม่ไว้วางใจต่อนโยบายจีนของเขา

สมดุลย์อำนาจในไต้หวันทั้งในแง่เศรษฐกิจการเมืองและการทหาร ดูจะเอนเอียงไปเข้าทางจีนมากกว่าที่เคยเป็น อีกทั้งมีการมองกันว่านโยบายของประธานาธิบดีหม่าเป็นความพยายามที่จะสร้างเงื่อนไขที่ดีที่สุดเพื่อให้เข้าตารัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

รัฐบาลของผู้นำไต้หวันได้ประกาศความประสงค์ที่จะลงนามในข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (ECFA)กับจีนแผ่นดินใหญ่ในปีหน้า โดยอ้างว่าจะเป็นการกระตุ้นการจ้างงานในไต้หวันที่ประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม พรรคดีพีพี ได้ออกมาเตือนว่า ข้อตกลงนี้ จะบ่อนทำลายความเป็นอิสระที่ไต้หวันมีอยู่ และอาจไม่ได้ก่อประโยชน์ดังที่พรรคก๊กมินตั๋งได้สัญญาไว้

เฉิน ซั่นโห ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงรายหนึ่งในเมืองซินจู๋ ทางตอนเหนือของไต้หวันกล่าวว่า “ผมค่อนข้างกังวลกับนโยบายชูจีน เพราะว่า ภายในไม่กี่ปี ไต้หวันจะถูกกลืนโดยจีน ถ้าประธานาธิบดีหม่าไม่มีมาตรการที่เหมาะสม” และว่า “ข้อตกลง ECFA เป็นสิ่งที่ไม่ดี พอไต้หวันลงนามในข้อตกลงนี้แล้ว จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นอีก” นอกจากนี้ เฉิน ยังแสดงความเป็นห่วงว่า แรงงานไต้หวันจะไม่สามารถไปเทียบกับแรงงานราคาถูกของจีนแผ่นดินใหญ่ได้

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ในทางกลับกัน ผลการเลือกตั้งดังกล่าวอาจทำให้ผู้นำไต้หวันสามารถคุยกับจีนได้ง่ายขึ้น

จอร์จ ไช่ กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จีนจะให้การยอมรับและให้ความร่วมมือกับประธานาธิบดีหม่ามากขึ้น เนื่องจากจีนมองว่า เป็นการดีที่จะทำงานกับคนที่เป็นมิตรกับจีนอย่างประธานาธิบดีหม่า มากกว่าที่ต้องคุยกับพรรคดีพีพี และคงไม่อยากให้ดีพีพีกลับมามีอำนาจอีก
ไช่ อิ่งเหวิน หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี)
วัดคะแนนนิยมระหว่างสองผู้นำฯ

การเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกนับแต่ผู้นำทั้งสองขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคฯ และยังเป็นการวัดความนิยมกันระหว่างผู้นำสองคน คือหม่า อิงจิ่ว และไช่ อิ่งเหวิน คู่ชิงประธานาธิบดีในสมัยหน้า พ.ศ. 2555 ผลปรากฎพรรคก๊กมินตั๋งชนะการเลือกตั้งใน 12 เขต ขณะที่ พรรคดีพีพี ได้ 4 เขต และอีกที่นั่งเป็นของผู้สมัครอิสระ

ขณะที่ผู้นำไต้หวันคืบหน้าไปในกิจการภายนอก กิจการภายในของไต้หวันเองก็มีส่วนสำคัญ เช่นกรณีพายุไต้ฝุ่นมรกต ที่กลืนชีวิตชาวไต้หวันสูงถึง 700 คน หลายคนกล่าวว่า ประธานาธิบดีหม่าไม่เอาจริงเอาจริงกับปฏิบัติการกู้ภัยช่วยชีวิตและมาตรการส่งความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาทุกข์ อีกทั้งยังดูมีท่าทีห่างเหินในการปลอบโยนผู้รอดชีวิต จนเป็นเหตุสำคัญให้ประธานาธิบดีไต้หวันตกอยู่ในสภาพตั้งรับมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ไช่ อิ่งเหวิน กล่าวกับนักข่าวในไทเปว่า เธอเรียกผลการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็น “ก้าวสำคัญในการกลับมาของพรรคดีพีพี” และว่าพรรคได้คะแนนร้อยละ 45-46 เทียบกับการเลือกตั้งท้องถิ่นฯ เมื่อ 4 ปีก่อน ที่ได้เพียงร้อยละ 38.2

หลังจากผลการเลือกตั้งปรากฏออกมา หม่า กล่าวให้สัญญาว่าจะปรับปรุงการทำงานของรัฐบาล “เราจะตอบสนองต่อสัญญาณเตือนของผลการเลือกตั้งครั้งนี้”

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไต้หวันก็ถูกโจมตีอีกครั้ง ในการตัดสินใจยกเลิกการสั่งห้ามนำเข้าเนื้อวัวสหรัฐฯ บางส่วน โดยนักวิจารณ์มองว่า เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้ฟังเสียงของประชาชนก่อน ทั้งนี้คนส่วนใหญ่กลัวว่า เนื้อวัวสหรัฐฯ ดังกล่าวอาจนำไปสู่การระบาดครั้งใหม่ของโรควัวบ้า

สัปดาห์ที่แล้ว โฆษกพรรคฯ ดีพีพี นายไช่ จี๋-จาง ยังได้กล่าวตำหนิหม่า ถึงการคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลผลิตมวลรวมในประเทศหรือจีดีพีประจำปี 2552 จะตกลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ -2.53% ในปีนี้ และไต้หวันก็กำลังเผชิญกับอัตราการว่างงานที่สูงลิ่ว โดยกล่าวว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีหม่ามีประชาภิบาลที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน

ตำแหน่งประธานาธิบดีของหม่าได้มาจากการชูประเด็นยกเลิกนโยบายต่อต้านจีนของอดีตประธานาธิบดี เฉิน สุ่ยเปียน ทั้งยังสนับสนุนให้สานสัมพันธ์กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีน ซึ่งไต้หวันและจีน เป็นปฏิปักษ์การเมืองกันหลังจากที่เจียง ไคเช็ค แพ้สงครามกลางเมืองและถอยร่นไปจัดตั้งรัฐบาลแยกต่างหากที่เกาะไต้หวันในปี พ.ศ. 2492
กำลังโหลดความคิดเห็น