จีน-ไต้หวันยุติศึกชิงพันธมิตรทางการทูต

เอสทีวีผู้จัดการออนไลน์/เอเจนซี- กลุ่มที่ปรึกษาทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันเผยข้อตกลงสงบศึกทางการทูตระหว่างจีน-ไต้หวันในวันนี้(10 ก.ย.) ซึ่งเป็นความตกลงโดยนัย (tacit agreement) โดยอ้างคำกล่าวของประธานาธิบดีหม่า อิ่งจิ่วที่กล่าวแก่รัฐมนตรีต่างประเทศไฮติ

“ขณะนี้สองฝ่ายได้ตกลงสงบศึกทางการทูต โดยจะไม่ไล่ตามชิงพันธมิตรทางการทูตของอีกฝ่าย เพื่อรักษาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างเสมอภาคบนเวทีโลก” หม่า กล่าวแก่รมต.ต่างประเทศไฮติ นาย Alrich Nicolas ที่มาเยือนไทเปเมื่อวันพุธ(9 ก.ย.)

ทั้งนี้ จีนและไต้หวันเป็นปฏิปักษ์กันมาตั้งแต่ผู้นำเจียง ไคเช็คแห่งพรรคก๊กมินตั่งแพ้สงครามกลางเมืองแก่ผู้นำคอมมิวนิสต์จีนในปี 2492 และได้ถอยร่นมายังไต้หวันตั้งรัฐบาลปกครองดินแดนในไทเป แต่รัฐบาลกรุงปักกิ่งยืนกรานมาตลอดว่าดินแดนไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของมาตุภูมิแห่งแผ่นดินใหญ่ ที่จะต้องกลับมารวมแผ่นดินกันในที่สุด

รัฐบาลไต้หวันใช้ชื่อประเทศอย่างเป็นการคือ สาธาณรัฐจีน (Republic of China -ROC) ซึ่งเป็นชื่อทางการของจีนก่อนผู้นำคอมมิวนิสต์สถาปนาจีนใหม่ ด้านผู้นำคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของเหมา เจ๋อตงได้เปลี่ยนชื่อทางการของประเทศเป็น “สาธารณรัฐประชาชนจีน” (People's Republic of China -PRC)ในปี 2492 ซึ่งขณะนั้น สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ยังรับรองสาธารรัฐจีน กระทั่งในเดือนตุลาคม 2514 ยูเอ็นได้เปลี่ยนการรับรองทางการทูตมายังสาธารณรัฐประชาชน

สองจีนช่วงชิงพันธมิตรทางการทูตมาตลอด จีนใหญ่ประกาศว่าประเทศที่จะเป็นพันธมิตรกับจีน จะต้องตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน และต่างก็กล่าวหากันว่าหว่านเงินซื้อการรับรองทางทูต ปัจจุบันไต้หวันมีสัมพันธ์ทางการทูตกับชาติต่างๆ 23 ชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาติกำลังพัฒนาเล็กๆที่ยากจน โดยมีประเทศไฮติ รวมอยู่ด้วย

สัมพันธ์สองจีนระหว่างช่องแคบไต้หวันร้าวรานสุดโดยเฉพาะในช่วง 8 ปี ของรัฐบาลผู้นำพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี)ของเฉิน สุยเปี่ยน สืบเนื่องจากความเคลื่อนไหวอิสรภาพดินแดนของผู้นำไต้หวัน จีนถึงกับลั่นจะยกกำลังยึดครองไต้หวันหากจำเป็น ความขัดแย้งดังกล่าวนับเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อความมั่นคงภายในอาณาบริเวณ

เมื่อผู้นำพรรคก๊กมินตั่งได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งเมื่อปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว ลุยสานสัมพันธ์กับจีน จนสามารถล้มสัญลักษณ์ความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ที่สำคัญคือเปิดการเชื่อมโยงติดต่อกันโดยตรง ถึงกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ส่งสานส์แสดงความยินดีกับหม่า ที่ได้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคก๊กมินตั่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ประมุขรัฐสองดินแดนพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ.