xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติจีนส่งสัญญาณ ปล่อยหยวนแข็งค่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พนักงานธนาคารกำลังนับธนบัตรดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สาขาของแบงก์ ออฟ ไชน่าในเมืองเหอเฟย, มณฑลอันฮุยเมื่อเดือนนี้ - รอยเตอร์
รอยเตอร์ – ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณชัดเจน ก่อนหน้าผู้นำสหรัฐฯ เยือนแดนมังกร พร้อมปล่อยเงินหยวนแข็งค่า ระบุจะพิจารณาใช้ระบบตะกร้าเงิน หลังจากผูกติดเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่นานหนึ่งปีครึ่ง

ในรายงานนโยบายการเงินช่วงไตรมาส 3 ของธนาคารประชาชนจีนเมื่อวันพุธ (11 พ.ย.) ได้ระบุเป็นนัยว่า กลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจะเลิกผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นวิธีที่จีนใช้มาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยในรายงานปราศจากถ้อยคำ ซึ่งเคยได้ยินกันจนเบื่อที่ว่า จีนจะยังคงรักษาเสถียรภาพของเงินหยวนให้อยู่ที่ระดับ ซึ่งสมดุล และสมเหตุผล

“เราจะปรับปรุงกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน โดยดำเนินตามหลักการของการริเริ่ม, ความสามารถควบคุมได้ และการค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งอิงกับการเคลื่อนย้ายของเงินทุนระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงของบรรดาสกุลเงินหลัก” ธนาคารกลางจีนระบุในรายงาน

เนื้อหาในรายงานยังสอดคล้องกับร่างแถลงการณ์ของที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มชาติความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ที่สิงค์โปร์ ซึ่งจีนเป็นสมาชิก ที่เรียกร้องความยืดหยุ่นของอัตราดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงมีความเป็นไปได้มากว่า จีนจะปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าอีกครั้ง ซึ่งจีนเคยดำเนินการมาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 อันนับเป็นปรากฏการณ์สำคัญ หลังจากถูกสหรัฐฯ และยุโรปกดดันอย่างหนัก โดยหลังจากนั้น เงินหยวนได้แข็งค่าเกือบถึงร้อยละ 20 โดยอยู่ที่ราว 6.83 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จนกระทั่งเมื่อเกิดวิกฤตการเงินโลก และวิตกถึงผลกระทบต่อผู้ส่งออกของตน จีนจึงได้แตะเบรกเมื่อกลางปีที่แล้ว

ด้านนักวิเคราะห์บางรายเรียกร้องให้จีนหันกลับไปใช้กลไกแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยอิงกับระบบตะกร้าเงิน ซึ่งธนาคารกลางจีนเคยระบุในปี 2548 ว่า จะใช้อ้างอิงกับเงินหยวน นายซิง จื้อเฉียง นักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปปิตอล คอร์ป (CICC) ในกรุงปักกิ่งระบุว่า เงินหยวนจะผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดไปไม่ได้ โดยการหันกลับไปอิงกับดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปลายปี 2551 นั้น เป็นมาตรการหนึ่งของจีนในการรับมือกับวิกฤตการเงินโลก และขณะนี้ผลกระทบจากวิกฤตการเงินกำลังจางลงแล้ว ดังนั้น เงินหยวนจึงควรกลับมาแข็งค่าอีกไม่ช้าก็เร็ว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราห์จำนวนหนึ่งคาดว่า จีนจะไม่เร่งดำเนินการเรื่องนี้ในทันที เนื่องจากที่ผ่านมา จีนมักดำเนินการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเบ็น ซิมป์เฟนดอร์เฟอร์ นักกลยุทธ์ของรอแยล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ในฮ่องกงมองว่า จีนน่าจะปล่อยให้หยวนแข็งค่าเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส2 ของปีหน้าไปแล้ว และน่าจะแข็งค่าร้อยละ 3 -5 ในปีหน้า เนื่องจากจะเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากภายในและนอกประเทศ

รายงานของธนาคารกลางจีนฉบับนี้เผยแพร่ ก่อนหน้าประธานาธิบดีบารัก โอบาม่า ของสหรัฐฯ จะมาเยือนนครเซี่ยงไฮ้ และกรุงปักกิ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นการกะเวลา เพื่อส่งสัญญาณ ขณะที่ประธานาธิบดีโอบาม่ากล่าวว่า จะหยิบยกเรื่องเงินหยวนอ่อนค่าเกินสภาพความเป็นจริงมาหารือระหว่างการเยือนจีน

นอกจากนั้น ยังเผยแพร่ตามมาในอีกไม่กี่ชั่วโมง หลังจากจีนรายงานดัชนีเศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม ซึ่งยืนยันว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวแข็งแกร่ง โดยผลผลิตอุตสาหกรรมพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน ที่ร้อยละ 16.2 ขณะที่ตัวเลขการส่งออกยังคงตกลงเมื่อเทียบรายปี แต่นักวิเคราะห์คาดว่า จะการส่งออกของจีนจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในอีกไม่ช้า

กำลังโหลดความคิดเห็น