เอเอสทีวีผู้จัดการ - หลังจากที่นิตยสาร “ฟอร์บส์” เผยเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ถึงรายงานการจัด 400 อันดับ ผู้ร่ำรวยที่สุดของจีน ประจำปี 2552 โดยระบุว่าจนถึงเดือนพ.ย. มีผู้ประกอบการจีน 400 คนมีทรัพย์สินรวมกันถึง 314,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 141,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับสถิติ 173,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว และใน 400 คนนี้เป็นอภิมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 79 คน เทียบกับ 24 คนในปีที่แล้ว
บรรณาธิการอาวุโสของฟอร์บส์ นายรัสเซลล์ แฟลนเนอรี เผยว่า โอกาสแห่งความรุ่งเรืองของผู้ประกอบการจีนได้หวนกลับมาแล้ว สาเหตุหลักเป็นเพราะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้หวนกลับมาดีดตัวขึ้นถึง 56% และ 69% ตามลำดับ หลังจากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตสินเชื่อและการเงินโลกเมื่อปีที่แล้ว
อนึ่ง เกณฑ์วัดการจัดอันดับมหาเศรษฐีจีนในปีนี้ใช้มาตรฐานที่สูงขึ้น คือต้องมีทรัพย์สิน 300 ล้านเหรียญฯ ขึ้นไป เทียบกับ 200 ล้านเหรียญฯ เมื่อปีที่แล้ว
และมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีนปีนี้คือนายหวัง ฉวนฟุ เจ้าของบริษัท “บีวายดี” แบตเตอรีรถยนต์ ผู้มีทรัพย์สิน 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หวัง ฉวนฟุ จากเพชรในตม สู่ตะวันเจิดจรัส
ขณะที่เทคโนโลยีสะอาดดูจะดึงดูดความสนใจมากขึ้นในโลกธุรกิจ BYD Company Ltd อัญมณีที่ซ่อนไว้ในภาคใต้ของจีน กำลังเจิดจ้าในเวทีโลกพลังงานหมุนเวียน ด้วยนวัตกรรมและวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่เฉียบคม ของนายหวัง ฉวนฟุ ประธาน BYD
หวัง เริ่มต้นธุรกิจของเขาในปี 2539 มีโรงงานแบตเตอรี่ รีชาร์จในเสิ่นเจิ้น ขณะที่ผู้ผลิตจีนเกือบทุกราย เอาแต่คิดว่าจะกดราคาผลิตภัณฑ์ให้ต่ำและขายถูกได้อย่างไร หวังกลับเคร่งครัดมุ่งเน้นคุณภาพและควบคุมบริหารต้นทุน
กลยุทธ์นี้ทำให้การเจริญเติบโต BYD เป็นไปอย่างรวดเร็วและแตกต่าง เขานำกิจการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2545
ปี 2548 BYD เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชาร์จ อันดับสองของโลก ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% และแซงคู่แข่งภายในอุตสาหกรรมอย่างญี่ปุ่น
หลังจากชัยชนะอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ หวังตัดสินใจที่จะใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของเขาเพื่อป้อนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากหกปีที่มุ่งพัฒนาต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าของตน และการเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น 10% ใน BYD ของวอร์เรน บัฟเฟต (ราว 230 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนกันยายน 2551) หวังก็ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น E6 พร้อมกับที่วอร์เรน บัฟเฟต ก็เป็นผู้นำรถยนต์คันนี้ มาเสนอในที่ประชุมประจำปี Berkshire Hathaway ในปีนี้ 2552
ดูเหมือนว่าในโลกความเป็นจริง การปฏิวัติเขียวกำลังจะเริ่มต้นมาจากเสิ่นเจิ้น เมื่อสมรรถนะของ E6 และแบตเตอรี่ของ BYD สามารถทำอัตราเร่ง 100 ก.ม.ต่อชั่วโมง ใน 8 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดของรถคือ 160 ก.ม.ต่อชั่วโมง ขับได้ไกลถึง 400 ก.ม. โดยไม่ต้องชาร์จพลังงานใหม่ เมื่อเทียบกับของเชฟโรเลตโวลต์ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่ผลิตโดยจีเอ็ม E6 ไปได้ไกลกว่าหกเท่า ขณะที่ราคาถูกกว่ารถอเมริกันครึ่งหนึ่ง
ความสำเร็จของหวังคือ การทำให้โลกดูกับตาว่า จะสามารถสร้างแบตเตอรี่ราคาถูกได้อย่างไร และบัฟเฟต เคยพูดถึงหวังว่าเขารู้จักหวังจากการแนะนำของมังเกอร์ โดยมังเกอร์พรรณนาถึงหวัง ฉวนฟุคนนี้ว่า “เป็นผู้ชายที่มีส่วนผสมของโทมัส เอดิสัน กับแจ็ค เวลซ์ สิ่งที่เหมือนเอดิสันคือ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาทางเทคนิค และสิ่งที่เหมือนกับเวลซ์คือถ้ามีอะไรจำเป็นต้องทำ เขาจะทำมันให้สำเร็จ ผมยังไม่เคยเห็นคนแบบนี้”
นี่เป็นบทพิสูจน์สายตาที่ฉลาดลงทุนของวอร์เรนอีกครั้ง เพราะราคาหุ้นของ BYD เพิ่มขึ้นกว่าห้าเท่า นับแต่เขาลงนามซื้อหุ้น
BYD ยังลงนามข้อตกลงเพื่อรับบริหารผลประโยชน์ส่วนได้เสียทั้งหมดของกิจการรถโคช Hunan Midea Coach เป็นสัญญาณของบริษัทในการขยายทางเลือกการผลิตรถยนต์ของตน นักวิเคราะห์ประเมินว่า BYD สามารถใช้จ่ายมากกว่า 850 ล้านเหรียญสหรัฐ ในแผนการขยายโรงงานที่ผลิตรถยนต์ได้ 400,000 คันต่อปี พร้อมกันนั้น BYD ยังได้สร้างโรงงานใหม่ใน ส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
ดูเหมือนว่าหวังยังไม่มีวันหยุดนิ่ง เนื่องจากเขากำลังพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการทำงานของแบตเตอรี่เมื่อร้อนจัด ให้ระบายเป็นไอน้ำมากกว่าระเบิด นอกจากนี้วิศวกรของเขา ยังวิจัยคิดค้นในโครงการแบตเตอรี่ที่จะสามารถใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมกันกับพลังงานแสงอาทิตย์
“สร้างฝันของคุณ!” เป็นสโลแกนและเป็นตัวอักษรที่นำมาใช้เป็นชื่อบริษัท (Build your dreams) ของ BYD ซึ่งการวิจัยและพัฒนาของ BYD ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกชัดแจ้งแล้วว่า เขาเป็นผู้ประกอบการที่ “ปากกับใจตรงกัน”
ข้อมูลกิจการ
ผู้ผลิตแบตเตอรี่ BYD ในเสิ่นเจิ้น
ชื่อบริษัท : BYD
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พ.ศ. 2545
ประธานกรรมการ: หวัง ฉวนฟุ
มีพนักงาน: 120,000 คน
รายได้ปี (2551): 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
มีชื่อเสียงจาก: รถไฟฟ้า E6 และการลงทุนจากวอร์เรน บัฟเฟต
แผนการ: ผลิตรถโดยสารพลังงานใหม่ในพ.ศ. 2553 และ เป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกในปี พ.ศ. 2568