พีเพิลเดลี – พญามังกรจับมืออาเซียน ลงนามข้อตกลงปกป้องการลงทุนของต่างชาติ ทั้งการลงทุนโดยตรงและการลงทุนผ่านกลุ่มหลักทรัพย์ ตลอดจนการให้เงินชดเชยความเสียหายจากเหตุจลาจล และความวุ่นวายทางการเมือง
ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมถึงการผ่อนคลายความเข้มงวดในการถือครองสินทรัพย์ และการครอบครองที่ดิน นับเป็นการบรรลุข้อตกลงครั้งที่ 3 และถือเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างจีนกับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 10 ประเทศ อันจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า
นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการลงนามร่วมกันเมื่อวันเสาร์ (15 ส.ค.) ว่า ข้อตกลงฉบับนี้จะเป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรี ที่มีความคืบหน้า ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวางถึง 13 ล้านตารางกิโลเมตร และประชากร 1,900 ล้านคน
ทั้งนี้ ข้อตกลงเอฟทีเอว่าด้วยสินค้าและการลงทุนในปี 2548 และ2550 ระหว่างจีน-อาเซียน ที่ผ่านมา เป็นข้อตกลง ที่มีสภาพไม่ต่างกับตรายาง
สำหรับจีนนั้น เป็นชาติผู้ลงทุนรายใหญ่อันดับ 8 ของอาเซียน และเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 4 โดยเมื่อปีที่แล้ว มีการลงทุนระหว่างกัน11,700 ล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นถึง 231,000 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มร้อยละ 14 จากปี2550
นอกจากนั้น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่าของจีนยังได้ประกาศจัดตั้งกองทุนว่าด้วยความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างจีนกับอาเซียนจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในภูมิภาค
ขณะที่ บรรดาผู้นำนักธุรกิจราว 300 คน ยังได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการลงทุนมูลค่า 590 ล้านดอลลาร์ในอสังหาริมทรัพย์ด้านอุตสาหกรรมในไทยระหว่างการประชุมสัมมนาที่พัทยาเมื่อเดือนกรกฎาคมอีกด้วย โดยจีนผงาดขึ้นเป็นชาติผู้นำเข้าสินค้าจากอาเซียนรายใหญ่ที่สุด หลังจากชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของตะวันตกส่วนใหญ่ประสบมรสุมเศรษฐกิจตกต่ำมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
