เอเจนซี – ธนาคารกลางแห่งประเทศจีนออกโรงยืนยันว่าจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากนักลงทุนหวั่นใจว่า รัฐบาลจะคุมเข้มการปล่อยกู้ของธนาคาร ส่งผลให้ตลาดหุ้นวันพุธร่วงรุนแรงในรอบ 8 เดือนก่อนกระเตื้องขึ้นในวันพฤหัสบดี
“จีนจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรน ซึ่งเป็นนโยบายที่มั่นคงและแน่นอน เพื่อสร้างเสถียรภาพต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน” ซู หนิง หนึ่งในรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจีนแถลงผ่านเว็บไซต์ธนาคารกลางแห่งประเทศ หรือ แบงก์ชาติจีน หลังจากเมื่อวันพุธ (29 ก.ค.) ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโปซิทของจีนปิดตัวร่วงลง 5% มาอยู่ที่ 3266.43 จุด นับเป็นการร่วงแรงที่สุดทำลายสถิตินับตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นหุ้นตกลงราว 6.3%
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นตก เนื่องจากนักลงทุนหวั่นว่ารัฐบาลจะออกใบสั่งให้ธนาคารควบคุมการปล่อยกู้ที่พรั่งพรูในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยสัปดาห์นี้สื่อรัฐบาลได้รายงานข่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของจีน 2 ราย ได้แก่ ธนาคารเพื่ออุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน และธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีน ได้กำหนดเพดานการปล่อยกู้ประจำปีนี้แล้ว เนื่องจากผู้คุมกฎเริ่มแสดงท่าทีวิตกต่อความเสี่ยงในการปล่อยกู้
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่ไปทั้งสิ้น 80% ของเพดานการปล่อยสินเชื่อทั้งหมดของปีนี้แล้ว ดังนั้นการขยายตัวของสินเชื่อช่วงที่เหลือของปี 2552 ก็จะต้องชะลอตัวลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
ปฏิกิริยาตอบสนองของตลาดหุ้นจีนต่อข่าวดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อตลาดวอลสตรีทและตลาดอื่นๆ ทั่วโลกด้วย เช่น ดัชนีหุ้นหั่งเส็งตกลง 2.4% เป็น 20135.50 จุด ตลาดหุ้นมุมไบตกลง 1% อยู่ที่ 15173.46 จุด
อย่างไรก็ตาม ซู หนิง ย้ำว่า ในการประชุมที่เซี่ยงไฮ้ จะมีการผลักดันนโยบายทางการเงินที่อิงกับกลไกตลาดมาใช้เพื่อประกันการเติบโตของสินเชื่อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มากกว่าที่จะใช้วิธีการคุมขนาดสินเชื่อที่นักลงทุนกังวล แต่ในรายงานข่าวมิได้ระบุว่า การประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นเมื่อไร
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางจีนได้เปิดเผยว่า ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่ของธนาคารกลางในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพุ่งแตะ 1.53 ล้านล้านหยวน เพิ่มจากเดือนพฤษภาคมเท่าตัว ส่งผลให้ยอดรวม 6 เดือนแรกแตะ 7.4 ล้านล้านหยวน พุ่งทะลุเป้าสินเชื่อปี 2552 ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 5 ล้านล้านหยวนแล้ว
โดยปรากฏการณ์ธนาคารปล่อยสินเชื่อพุ่งกระฉูดนี้ เป็นผลจากการตัดสินใจของรัฐบาลในการบรรเทากฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อันเป็นส่วนหนึ่งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และการอนุมัติสินเชื่อให้แก่ลูกค้าที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายมากเกินไป บางรายกู้เงินไปเพื่อฝากเงินกินดอกเบี้ย และบางส่วนนำเงินไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม หลังจากทางธนาคารแห่งประเทศจีนได้เผยแพร่ถ้อยแถลงของซู หนิงแล้ว ตลาดหลักทรัพย์จีนมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีขึ้น โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ก.ค.) ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้กระเตื้องขึ้น 1.69% หรือ 55.13 จุดมาอยู่ที่ 3321.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 219,800 ล้านหยวน ตลาดหุ้นเซินเจิ้นปรับตัวขึ้น 12.76 จุด หรือ 1.13% เป็น 1139.33 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 107.400 ล้านหยวน
ด้านโกลด์แมน แซกซ์ กรุ๊ป วาณิชธนกิจชื่อดังของโลกคาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อจีนจะเริ่มชะลอตัว จนกระทั่งขยายตัวเพียง 15% ในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนมีความเข้มแข็งมากขึ้น จึงไม่ต้องการเงินกู้มาสนับสนุนมากมาย ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีเพิ่มขึ้นจาก 6.1% ในไตรมาสแรกมาอยู่ที่ 7.9% เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากเงินกู้จำนวนมหาศาล