เอเอฟพี – ผู้ผลิตไวน์ฝรั่งเศสชื่นมื่นผู้บริโภคจีนพิสมัยไวน์แดงมากขึ้น เดินหน้าหาคู่หุ้นส่วนท้องถิ่นช่วยกระจายสินค้า อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในชี้นอกเหนือจากปัญหาเครือข่ายกระจายสินค้าแล้ว ผู้ผลิตไวน์ต่างด้าวยังเจอปัญหาชาวจีนไม่มีความรู้เรื่องไวน์ ส่งผลให้ส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าจากราคาและบรรจุภัณฑ์เท่านั้น
ผู้ผลิตไวน์จากฝรั่งเศสหน้าบาน หลังจากจีนตอกย้ำความชื่นชมไวน์แดงภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการเปิดงาน "ไวน์เอ็กซโป" งานแสดงสินค้าเหล้าหมักผลไม้ที่ใหญ่สุดในโลกที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อบริษัทจีน "ฮ่องกง เอ แอนด์ เอ อินเตอร์เนชั่นแนล" ประกาศซื้อหุ้นใหญ่ของบริษัทผลิตไวน์ระดับตำนานอย่าง "ชาโตว์ รีเชอลิเยอร์" ซึ่งมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมในแคว้นบอร์กโด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส โดยบริษัทฝรั่งเศสเป็นเจ้าของไร่องุ่นพื้นที่สูงถึง 140,000 ตารางเมตร
นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของยักษ์ใหญ่ชาติเอเชียในการรุกเข้าสู่ตลาดไวน์ฝรั่งเศส เพื่อสนองตอบความต้องการบริโภคไวน์ฝรั่งเศสที่เพิ่มมากขึ้นของชาวจีน โดยเฉพาะไวน์บอร์กโด ซึ่งทำยอดส่งออกมายังจีนเมื่อปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 78 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าของชาโตว์ รีเชอลิเยอร์นั้น 90% ส่งออกมายังตลาดต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ เยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
ด้านมาร์ค ซาเบท ที่ปรึกษาด้านการเงินและเป็นนายหน้าของดีลครั้งนี้เปิดเผยว่า เป้าหมายของข้อตกลงดังกล่าวคือการควบคุมแบรนด์ เพื่อกระจายการผลิตไวน์ 70,000 ขวดของชาโตว์ฯ ในประเทศจีน ซึ่งฟิลลิปเป ลาเกเช ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท อีวอง โม ผู้ค้าไวน์บอร์กโดรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกซึ่งมีรายได้ 100 ล้านยูโรต่อปีก็มองว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด ทั้งนี้ ปัจจุบัน อีวอง โม ส่งออกสินค้ามายังจีนรวมมูลค่าทั้งสิ้น 5 ล้านยูโร และตั้งเป้าทำยอดขายถล่มทลายในอนาคตหลังจากว่าจ้างพนักงานประจำ 3 คนในแผ่นดินใหญ่
จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ คาดการณ์ว่าภายในปี 2555 จีนจะขึ้นแท่นประเทศที่มีผู้ดื่มไวน์มากเป็นอันดับ 7 ของโลก สืบเนื่องจากปริมาณชนชั้นกลางของจีนขยับตัวขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาต่างก็พิสมัยไวน์แดงแบรนด์ต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ลาเกเช มองว่ายังมีความท้าทายในการรุกสู่ตลาดจีน เพราะเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวแทนกระจายสินค้าที่เชื่อใจได้ พร้อมกล่าวว่า "ทำธุรกิจแบบนี้คุณต้องลงทุนทั้งเวลา องค์ความรู้ เงิน แล้วก็ศึกษาเรื่องไวน์ให้ดี"
ขณะที่คริสตอฟ ทรูอิน ผู้จัดการฝ่ายส่งออกของ เลส์ กรองด์ เช เดอ ฟรองซ์ (GCF) ผู้ส่งออกไวน์รายใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสก็เห็นด้วยกับความคิดของลาเกเช และแก้ปัญหานี้ด้วยการหาคู่หุ้นส่วนชาวจีนเรียบร้อยแล้ว โดยไม่กี่วันก่อนงานไวน์ เอ็กซโปจะเปิดม่านขึ้น GCF ได้ประกาศว่า บริษัทจีน ไดแนสตี้ ไฟน์ ไวน์ส จะเป็นตัวแทนกระจายสินค้าให้แก่ GCF แต่ถึงแม้ว่าจะมีเครือข่ายกระจายสินค้าและคู่หุ้นส่วนในพื้นที่แล้วก็ตาม ปัญหายังคงมีอยู่
"ลูกค้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไวน์และฉลากเลย ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกสินค้าบนพื้นฐานปัจจัย 2 ประการคือ ราคาและบรรจุภัณฑ์" เผิง เจีย ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเรื่องไวน์ในเมืองไวน์ ซึ่งสร้างขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ และยังเป็นแหล่งเก็บไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของศูนย์กลางการเงินแห่งประเทศนี้ด้วย
โดยเผิงร่วมมือกับบริษัทวิจัย ไวน์ แอนด์ สปิริต เอดูเคชั่น ทรัสต์ ในลอนดอน พร้อมทั้งรับสมัครบริกรให้บริการเครื่องดื่มไวน์ระดับมือรางวัลและนักชิมไวน์มาให้ความรู้ที่สถาบันด้วย โดยสถาบันของเผิงนั้นเพิ่งเปิดสอนเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ปรากฏว่ามีบรรดาผู้นิยมดื่มไวน์จำนวนมากหลั่งไหลมาเรียน
เผิงเชื่อว่า การสร้างผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างตลาดให้เข้มแข็ง "หากไม่รู้ว่าจะเลือกไวน์และตั้งราคาอย่างไร ตลาดก็จะสับสน" เผิงกล่าว
ด้านเดวิด เลอซาเก ผู้อำนวยบริษัทโรลแลงด์ คอลเลกสิยง ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตไวน์ชั้นแนวหน้าของโลก ก็ได้ทบทวนกลยุทธของบริษัท และว่าจ้าง "หม่า หลิน" พนักงานขายชาวจีน ซึ่งเรียนจบทางด้านไวน์และมีพื้นหลังครอบครัวเป็นเกษตรกรปลูกองุ่นอยู่ในทางตอนเหนือของประเทศจีนมาร่วมงานด้วย โดยหม่าจะเดินทางกลับมาที่จีนอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อช่วยอธิบายให้ชาวจีนรู้จักไวน์ของโรลแลงด์มากขึ้น โดยทั้งหม่า และเผิงนั้นต่างภูมิใจที่พวกเขามีส่วนนำไวน์ฝรั่งเศสและวัฒนธรรมการดื่มไวน์มาแนะนำให้เพื่อนร่วมชาติได้รู้จักกัน