xs
xsm
sm
md
lg

‘Life House’ กระปุกบดพริกไทย ดีไซน์ใหม่รุกเปิดตลาดเมืองไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- กระปุกบดพริกไทยและเครื่องเทศ เป็นของใช้ในครัวเรือนที่นิยมใช้กันในต่างประเทศ ซึ่งคนไทยเริ่มรู้จักและใช้กระปุกบดพริกไทยนี้มาได้ระยะหนึ่ง หลังจากที่อาหารฝรั่ง เริ่มเข้ามาเผยแพร่และเมื่อมีการสาธิตทำอาหารผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ของ พ่อครัว หรือเชฟ ตามโรงแรม มักจะมีการใช้กระปุกบดพริกไทย เครื่องเทศร่วมด้วย

สำหรับประเทศไทยมีผู้ประกอบการด้านโรงงานผลิตกระปุกบดพริกไทย เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกามานานกว่า 20 ปี และในหนึ่งนั้น เป็นโรงงานของ นางสาวศิริพร สุตะรัตน์ เจ้าของโรงงานที่ใช้ชื่อว่า Rattana Handy Wood Ltd.Part. ตั้งอยู่ที่ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี

นางสาวศิริพร เล่าว่า โรงงานแห่งนี้ ผลิตของใช้ในครัวเรือน และของแต่งบ้าน ที่ทำจากไม้ยางพารา เพราะในพื้นที่ทางภาคตะวันออก รวมถึงจังหวัดชลบุรี มีการปลูกไม้ยางพารากันเป็นจำนวนมาก ทำให้เรามีวัตถุดิบไม้ยางพาราออกสู่ตลาดจำนวนมาก และราคาไม่แพง ประกอบกับเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางได้มีที่ระบายไม้ยางเพิ่มขึ้น ครอบครัว จึงได้ตัดสินใจทำโรงงานผลิตของใช้จากไม้ยางพาราขึ้นมา

จุดเริ่มต้นมาจากเดิมพ่อทำโรงงานเหล็ก ผลิตเครื่องจักรสำหรับกลึงไม้ขาย และวันหนึ่งมีเทรดเดอร์ที่ทำสินค้าส่งออกเห็นว่าเรามีเครื่องจักร จึงเข้ามาติดให้เราผลิตสินค้าให้โดยมีรูปแบบของสินค้าที่ส่งมาเป็นภาพถ่ายให้เราทดลองทำ ปรากฎว่า เราสามารถทำตามแบบได้ และเริ่มมีออร์เดอร์เข้ามามากขึ้นเรื่อย จึงได้เป็นตัวจุดชนวนให้เราเลิกทำโรงงานเหล็ก หันมาผลิตสินค้าจากไม้ยางพาราส่งออกต่างประเทศ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยรูปแบบสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ลูกค้าออกแบบมาให้ สินค้าหลัก อาทิ กระปุกบดพริกไทยและเครื่องเทศ ชามสลัด และของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ ซึ่งสินค้าทั้งหมดจะส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ผ่านทางเทรดเดอร์เป็นคนกลางในการติดต่อลูกค้า ซึ่งมีข้อดีตรงที่เราไม่จำเป็นต้องออกไปหาลูกค้าเอง

“อย่างไรก็ตาม จากการที่เราทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตอย่างเดียว โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการตลาดเป็นข้อเสียอย่างมาก เพราะเมื่อลูกค้าเปลี่ยนไปซื้อจากผู้ค้ารายอื่น รายได้เราก็จะหายไปเลยทั้งหมด โอกาสที่ต้องปิดกิจการก็ไปได้สูง เพราะติดต่อเทรดเดอร์หรือผู้ซื้อเพียงไม่กี่ราย แต่ถ้าเราออกไปทำการตลาดเอง และมีลูกค้าในมือหลายๆราย เมื่อรายใดรายหนึ่งหายไปแต่ก็ยังมีรายอื่นๆ ช่วยยืดเวลาทำให้เรามีเวลาในการปรับตัวได้”

สำหรับกลุ่มลูกค้าจะเป็นประเทศในแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา มากกว่า 80% หลังจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และการเข้ามาตีตลาดของสินค้าจีนที่มีราคาถูกกว่า ทำให้ออร์เดอร์การสั่งซื้อเข้ามาในช่วงปี 2551-2552 หายไปกว่า 70% ส่วนใหญ่ปัญหาหลักเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ มากกว่าปัญหาการเข้ามาตีตลาดของสินค้าจากประเทศจีน เพราะสุดท้ายลูกค้าที่เปลี่ยนไปสั่งสินค้าจากจีน หันกลับมาสั่งสินค้าจากเราเหมือนเดิม เพราะคุณภาพของสินค้าของเราจะดีกว่าจีนมาก

นางสาวศิริพร เล่าถึง แนวทางการแก้ปัญหาออร์เดอร์ที่ลดลงกว่า 70% ว่า ที่ผ่านมาเราเองไม่มีนโยบายที่ลดพนักงาน แต่ใช้การบริหารจัดการภายในองค์กรเพื่อลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ หันมาพัฒนารูปแบบของสินค้า และฝีมือการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อแข่งขันกับตลาดจีน โดยเฉพาะในเรื่องของรูปแบบ จากเดิมผลิตตามแบบปัจจุบันมีการออกแบบดีไซน์ เพื่อให้มีแบบใหม่ให้ลูกค้าได้เลือกมากขึ้น

ทั้งนี้ ในส่วนของการตลาด เริ่มมองหาตลาดใหม่ จากเดิมขายผ่านเทรดเดอร์ หันมาบุกและเปิดตลาดเอง ด้วยร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก โดยการไปร่วมออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงการออกงานแสดงสินค้าเพื่อการส่งออกที่จัดในประเทศให้มากขึ้น พยายามติดต่อลูกค้าด้วยตัวเอง แทนที่จะผ่านเทรดเดอร์

นอกจากนี้ หันมาทำตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันลูกค้าคนไทยเริ่มรู้จักสินค้าตัวนี้ และมีการซื้อไปใช้กันมากขึ้น โดยใช้ชื่อยี่ห้อว่า Life House กลุ่มลูกค้าจะเป็นแม่บ้านยุคใหม่ ที่ได้เห็นการใช้สินค้าตัวนี้ หรือ เคยใช้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งช่องทางการขายในประเทศ มี 2 ช่องทางหลัก คือการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และการออกงานแสดงสินค้า

การทำตลาดในประเทศจะเน้นรูปแบบดีไซน์ ที่สะดุดตา เช่น กระปุกบดพริกไทยรูปตุ๊กตา คู่ ตายายเป็นต้น เพราะคนไทยชอบสีสันและรูปแบบที่น่ารัก ต้องยอมรับว่าการทำตลาดในประเทศในช่วงนี้ค่อนข้างจะไปได้ดี เพราะยังไม่คู่แข่งผู้ผลิตที่เป็นคนไทยด้วยกัน และประกอบกับปัจจุบันลูกค้ารู้จักสินค้าตัวนี้มากขึ้น ต่างจากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เคยทดลองทำตลาดในประเทศ ซึ่งคนไทยจะไม่ค่อยรู้จักต้องอธิบายลูกค้าตลอดว่าเป็นอะไร ใช้งานอย่างไร

สำหรับการทำตลาดในประเทศ ได้เริ่มทำมาได้ประมาณ 2 -3 ปี ตั้งเป้าไว้ว่า จะช่วยเพิ่มยอดขายในประเทศได้ประมาณ 30 % เพื่อนำไปทดแทนตลาดต่างประเทศที่หายไปในช่วงนี้ได้ และเชื่อว่าแนวโน้มตลาดในประเทศจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ส่วนราคาสินค้าขายในประเทศเริ่มต้นที่ 200 บาท ไปจนถึง 700 บาท และที่ผ่านมายังได้เข้าร่วมโครงการโอทอป ได้ระดับ 3 ดาว ทำให้มีช่องทางขายในประเทศมากขึ้น

โทร. 08-1712-0172
กำลังโหลดความคิดเห็น