เอเจนซี – “ริโอ ทินโต” ประกาศล้มการเจรจาขายหุ้นเพิ่มให้แก่ไชนาลโค พร้อมเปิดแผนระดมทุนครั้งใหม่ เพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์-ร่วมทุนกับ BHP Billiton ชี้เหตุชาวออสซี่รุนต้านหวั่นอิทธิพลจีนขยายไปทั้งภูมิภาค ด้านไชนาลโคยอมรับผิดหวังอย่างแรง เผยการเจรจามีความยืดหยุ่นและสร้างสรรค์มาตลอด พร้อมจับตาการเพิ่มทุนของริโอครั้งใหม่อย่างใกล้ชิด
หลังจากการเจรจาเพื่อขอซื้อหุ้นบริษัทริโอ ทินโตเพิ่มเติม ระหว่างไชนาลโค รัฐวิสหากิจผู้ผลิตอลูมิเนียมของจีน กับริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ-ออสเตรเลีย ได้เริ่มขึ้นเมื่อ ก.พ.ที่ผ่านมา ล่าสุด (5 มิ.ย.) ได้มีแถลงการณ์ในเว็บไซต์บริษัทริโอฯ ประกาศว่า ทางบริษัทได้ยกเลิกแผนการขายหุ้นให้แก่ไชนาลโคมูลค่า 19,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยริโอฯ จะจ่ายค่ายกเลิกสัญญาให้แก่ไชนาลโค 195 ล้านเหรียญ
พร้อมกันนี้ ในแถลงการณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า ริโอฯ จะทำการเพิ่มทุนจำนวน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแบ่งเป็นการเพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 15,200 ล้านเหรียญ และจะได้จากการร่วมทุนกับคู่แข่งรายสำคัญ BHP Billiton อีก 5,800 ล้านเหรียญ
ก่อนหน้านี้ BHP เคยยื่นประมูลเพื่อเทคโอเวอร์ริโอฯ แต่ได้ถอนเรื่องออกเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว จากนั้นจึงหันมาใช้วิธีการร่วมทุนกับริโอฯ โดยส่วนหนึ่งของข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าวก็คือ BHP จะต้องจ่ายเงินให้ริโอฯ จำนวน 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นายมาริอุส คลอปเปอร์ส ประธานบริษัท BHP กล่าวว่า “การหาแนวทางที่จะผนึกกำลังกันของ BHP กับริโอฯ มีมานานกว่าทศวรรษแล้ว” ขณะที่ นายทอม อัลบานีส กรรมการอำนวยการบริษัทริโอฯ กล่าวว่า การร่วมทุนระหว่างริโอฯ กับ BHP ที่จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและรัฐบาลออสเตรเลียนั้น จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
แถลงการณ์ของริโอฯ ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทริโอฯ ในช่วงบ่ายวันศุกร์ (5 มิ.ย.) พุ่งขึ้นอีก 8.06 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 72.29 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย ขณะที่หุ้นของ BHP ก็พุ่งขึ้นอีก 8.83 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 38.21 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย
นายสง เว่ยผิง ประธานบริษัทไชนาลโค ได้แสดงความไม่พอใจต่อแถลงการณ์ของริโอฯ และยังเตือนว่า ไชนาลโคที่ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในริโอฯ จะจับตามองการระดมทุนครั้งใหม่ของริโอฯ อย่างใกล้ชิด
“เราผิดหวังมากที่ผลออกมาเช่นนี้ เพราะการหารือกับริโอฯ ในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปอย่างยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ และในฐานะที่เราเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในริโอฯ เราจะจับตามองการเพิ่มทุนในตลาดหุ้นและการร่วมทุนกับ BHP Billiton อย่างใกล้ชิด”
ด้านนายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ที่มีกำหนดพบปะกับนายเซี่ยงหลังจากนี้ ปฏิเสธว่ารัฐบาลออสเตรีเลียไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และออสเตรเลียยังเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ
“เรายินดีต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศเหมือนเช่นเคย เพราะจะทำให้เกิดการสร้างงานในประเทศ และเรื่องนี้ก็ถือเป็นการตัดสินใจทางการค้าของริโอฯ ที่ประเมินจากข้อเสนอที่ไชนาลโคยื่นเข้ามา”
การที่บริษัทริโอ ทินโต ได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทอัลแคน (Alcan) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอะลูมิเนียมของแคนาดา ทำให้ริโอฯ ต้องแบกภาระหนี้อยู่ 38,000 ล้านเหรียญ จึงจำเป็นต้องหาทุนเพิ่มเติม และแนวทางหนึ่งก็คือการขายหุ้นเพิ่มให้แก่ไชนาลโค ซึ่งจะทำให้ริโอฯ มีเงินสดอัดฉีดเข้ามา 19,500 ล้านเหรียญ
ส่วนไชนาลโคนั้น หากดีลนี้สำเร็จก็จะทำให้มีหุ้นเพิ่มจาก 9.3 เปอร์เซ็นต์เป็น 18.5 เปอร์เซ็นต์ และจะกลายเป็นผู้ถือรายใหญ่ในริโอฯ เพียงรายเดียว ซึ่งจะส่งผลให้มีบทบาทในการบริหารบริษัท
แต่การปรากฎชื่อของไชนาลโคกลับส่งผลทางการเมืองต่อรัฐบาลออสเตรเลีย เนื่องจากมีกระแสต่อต้านจากชาวออสเตรเลียอย่างรุนแรง เพราะเกรงว่านี่จะเป็นหนทางทำให้อิทธิพลของจีนแผ่ขยายไปทั่วภูมิภาค
แรงต่อต้านนี้ก็ได้สร้างความลำบากใจให้แก่นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย เพราะการตัดสินใจทั้งสองด้านต่างก็เสี่ยงต่อความไม่พอใจ ทั้งจากเจ้าของคะแนนเสียงเลือกตั้ง และจากประเทศที่ถือเป็นตลาดการค้าที่สำคัญ
ข้อตกลงระหว่างริโอและไชนาลโคที่ล้มเหลวในครั้งนี้ อาจเทียบได้กับความพยายามที่ล้มเหลวของจีนในครั้งก่อนๆ โดยในปี 2548 บริษัทจากจีนเคยพยายามที่จะเข้าไปเทคโอเวอร์บริษัทน้ำมันยูโนแคลของสหรัฐฯ แต่ข้อตกลงก็ล้มเหลวท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการขายกิจการที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ และบทบาทของจีนต่อเรื่องสิทธิมนุษยชน
และนี่ถือเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ความทะเยอทะยานของจีนที่ต้องการขยายบทบาทตัวเองให้เป็นบรรษัทข้ามชาติที่ยิ่งใหญ่ ไม่อาจสู้กับแรงต้านของชาตินิยมที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงในหลายๆ ประเทศ