เอเอฟพี – สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอรายงานว่าอิหร่านได้จรดหมึกเซ็นสัญญาก๊าซมูลค่าเกือบ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ กับไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม คอร์ป (CNPC) ผู้ผลิตก๊าซและน้ำมันชั้นนำของจีน เพื่อพัฒนาแหล่งก๊าซแห่งหนึ่งในอ่าวเซาธ์ พาร์ส
“เราทำสัญญาร่วมกับซีเอ็นพีซีเพื่อพัฒนาธุรกิจต้นน้ำแหล่งก๊าซธรรมชาติเซาธ์พาร์สนอกชายฝั่งเฟสที่ 11” ซีย์ฟัลเลาะห์ ยัชน์ซาส ประธานบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (NIOC) ระบุ
อย่างไรก็ตาม มูลค่าของดีลดังกล่าวมีมูลค่า 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป้าหมายเพื่อผลิตก๊าซธรรมชาติ 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
การร่วมทุนดังกล่าวของอิหร่านและจีนเกิดขึ้นหลังจากที่อิหร่านขยายเวลาลงนามบันทึกความตกลงเบื้องต้นกับบริษัทโททัล ฝรั่งเศส และปิโตรนาส บริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซียในปี 2547 (2004) เพื่อพัฒนาแหล่งก๊าซผลิตแอลเอ็นจี(LNG) จากเฟส 11 อยู่หลายครั้ง
ขณะที่บริษัทโททัลของฝรั่งเศสขณะนี้ถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ในเฟส 11 ของแหล่งก๊าซธรรมชาติเซาธ์ พาร์ส ซึ่งมีพลังงานก๊าซสำรองโดยรวมที่ 14 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ ของคลังสำรองโลก
“เนื่องจากข้อตกลงในธุรกิจต้นน้ำร่วมกับโททัลของฝรั่งเศสล่าช้าไปหลายครั้ง ดังนั้นเราจึงต้องร่วมดีลกับทางซีเอ็นพีซีของจีน อย่างไรก็ตามโททัลยังคงสามารถเจรจาสานต่อโครงการผลิต LNGในช่วงธุรกิจปลายน้ำ หากยังต้องการ ” ยัชน์ซาสกล่าว
อิหร่าน นับเป็นสมาชิกของรายใหญ่อันดับสองของผู้ส่งออกน้ำมันกลุ่มโอเปก(OPEC) และยังเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานธรรมชาติขนาดใหญ่อันดับสองของโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม สาเหตุความล่าช้าของบริษัทน้ำมันต่างชาติที่จะเข้าไปพัฒนาและสำรวจในอิหร่านนั้น เกิดจากต้นทุนการผลิตที่ทะยานสูง บวกกับความกังวลของนานาชาติที่มีต่อโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน