จีเอ็มปลดภาระ“ฮัมเมอร์”ให้เถิงจง วางเงื่อนไขจ้างคนงานต่อ

เอเยนซี – หลังจากจีเอ็มในสหรัฐฯ ยื่นล้มละลาย ล่าสุดจีเอ็มประกาศขายแบรนด์รถยนต์ฮัมเมอร์ให้เสฉวน เถิงจง คาดแบรนด์ฮัมเมอร์มีมูลค่าถึง 500 ล้านเหรียญ ส่วนดีลนี้ถือเป็นธุรกิจแบบวิน-วิน โดยเถิงจงถือเป็นโอกาสที่ได้ก้าวเข้าสู่วงการยานยนต์ ขณะที่จีเอ็มได้ตัดภาระเรื่องค่าใช้จ่าย แถมยังไม่ต้องโละพนักงานอีกกว่า 3 พันคน

โดยเอกสารที่จีเอ็มยื่นต่อศาลล้มละลายของสหรัฐฯ ได้ระบุว่าแบรนด์รถยนต์ฮัมเมอร์มีมูลค่าถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในแถลงการณ์ร่วมของสองบริษัทเมื่อวันอังคาร (2 มิ.ย.) ยังได้ระบุถึงสิ่งที่บริษัทเถิงจงจะรับช่วงต่อจากจีเอ็ม ซึ่งประกอบด้วยข้อตกลงกับดีลเลอร์รายเดิมของรถยนต์ฮัมเมอร์และทีมบริหารอาวุโส นอกจากนี้ ยังมีการการันตีจะไม่มีการปลดคนงานของจีเอ็มในสหรัฐฯ กว่า 3 พันคนออก

หลังจากจีเอ็มประสบภาวะล้มละลายด้วยภาระหนี้สินราว 172,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังไม่สามารถเพิ่มยอดขายรถยนต์ประหยัดพลังงานได้ ศาลของสหรัฐฯ จึงได้อนุมัติให้จีเอ็มขายสินทรัพย์ออกไปโดยเร็ว นอกจากการขายแบรนด์รถยนต์ฮัมเมอร์แล้ว จีเอ็มยังมีแผนว่าจะขายแบรนด์รถยนต์แซทเทิร์นและซาบบ์ นอกจากนี้ ยังจะลดระดับรถยนต์ยี่ห้อปอนเตียกลงด้วย ซึ่งขณะนี้มี 16 บริษัทที่แสดงความสนใจที่จะซื้อแบรนด์รถยนต์แซทเทิร์น

“ขณะนี้จีนมีเศรษฐีใหม่จำนวนมาก ที่สนใจรถยนต์ที่มีลักษณะเฉพาะอย่างเช่นฮัมเมอร์ และจีนก็มีบริษัทเอกชนเกิดขึ้นใหม่อีกหลายรายในช่วงที่เศรษฐกิจบูม ซึ่งบริษัทเหล่านั้นก็ต้องการดีลที่น่าประหลาดใจ ดังเช่นดีลที่เถิงจงทำกับจีเอ็มในครั้งนี้” นายริคอน เซี๊ยะ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยไต้หวา (Daiwa) ที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ ให้ความเห็น

สำหรับบริษัทเสฉวน เถิงจง เฮฟวี่ อินดัสเตรียล แมชีนเนอรี่ บริษัทเอกชนที่ทำธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรม เครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง การซื้อแบรนด์รถยนต์ฮัมเมอร์จะช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจในไลน์อื่นได้

นายเดสมอนด์ หว่อง ประธานบริษัท Sino Strategies Group ในชิคาโก เห็นว่า “นี่คือโอกาสอันดีสำหรับเสฉวน เถิงจง และเป็นการขายที่ดีของจีเอ็ม เพราะพวกเขาสามามารถทำการผลิตและการตลาดในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็สามารถส่งรถยนต์ฮัมเมอร์ไปยังขายที่ตลาดอื่น ทั้งในจีน อินเดีย และประเทศตะวันออกกลาง”

ข้อตกลงซื้อขายแบรนด์รถยนต์ฮัมเมอร์คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยการซื้อขายในครั้งนี้ ทางฝ่ายเถิงจงมีกลุ่มบริษัทเครดิต ซิสซี่ เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน และบริษัทเชียแมน & สเตอริง เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนฝ่ายจีเอ็มนั้นมีซิตี้ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน

เถิงจงไม่ใช่บริษัทจากจีนรายแรกที่เข้าสู่ธุรกิจในต่างประเทศ ก่อนหน้านี้บริษัท SAIC Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน และกลุ่มบริษัทจี๋ลี่ โฮลดิ้ง ต่างก็เข้าไปสู่ธุรกิจยานยนต์ในต่างประเทศ ด้วยความหวังว่าจะช่วยให้บริษัทจากจีนได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านยานยนต์ เพื่อนำมาผลิตรถยนต์ที่มีความซับซ้อนขึ้นและจะทำกำไรได้มากขึ้น

แต่ก็ใช่ว่าผู้ผลิตรถยนต์จากจีนจะประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจในต่างประเทศ ดังเช่น SAIC Motor ที่ซื้อสิทธิการออกแบบรถยนต์จากเอ็มจี โรเวอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากอังกฤษ เพื่อที่ SAIC Motor จะได้ลดการพึ่งพิงหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างจีเอ็ม และโฟล์คสวาเก้น

แต่ปรากฎว่ารถยนต์จากค่ายจีเอ็มและโฟล์คสวาเก้นยังคงครองส่วนแบ่งตลาดไว้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดขายรถยนต์อเนกประสงค์ของ SAIC กลับลดลง

ขณะที่จี๋ลี่ ได้เข้าไปซื้อ Drivetrain Systems International ผู้ผลิตเกียร์กระปุกในออสเตรเลีย และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการรถยนต์วอลโว่ของค่ายฟอร์ด มอเตอร์

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จีเอ็มได้ขอกู้เงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อนำมาใช้ปรับองค์กรหลังจากได้ยื่นขอล้มละลาย โดยนายบิล เบอร์ตัน รองโฆษกประจำทำเนียบขาว ได้ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจทางธุรกิจของจีเอ็ม

“และนี่คือตัวอย่างว่าเราไม่เข้าไปยุ่ง ข้อตกลงของจีเอ็มที่จะช่วยให้คนงานสหรัฐฯ หลายพันคนไม่ตกงาน ได้ช่วยให้ปัญหาของบริษัทยุติลงได้ระดับหนึ่ง”