เอเจนซี – คณะผู้พิพากษาจีนเตือนสำนักงานกฎหมายให้ควบคุมทนายหัวดื้อ ที่ชอบทำคดีเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและคดีทางการเมืองที่อ่อนไหว ชี้เพื่อสนองนโยบายรัฐที่ต้องการจำกัดกลุ่มทนายที่ต่อสู้เพื่อสังคม เผยมีการใช้กระบวนการต่ออายุใบอนุญาตมาเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการกำจัดทหนายหัวดื้อให้พ้นวงการ
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยนักกฎหมายในกรุงปักกิ่ง ที่ระบุว่า เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ ผู้มีอำนาจได้มีการพบปะ หรือโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานกฎหมาย 9 แห่งในปักกิ่ง เพื่อเรียกร้องไม่ให้ต่อใบอนุญาตแก่ทนายความบางราย หรืออาจส่งเอกสารขอต่อใบอนุญาตไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพียงบางส่วน เพื่อให้การขอต่อใบอนุญาตของทนายเหล่านั้นมีปัญหาทางเทคนิค
การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนได้พยายามทำมาหลายปีแล้ว เพื่อควบคุมการขยายตัวของกลุ่มทนายความที่ต่อสู้เพื่อสังคม
“ก่อนหน้านี้ รัฐบาลใช้วิธีกดดันทนายความเป็นรายบุคคล แต่ตอนนี้เปลี่ยนมากดดันในระบบ โดยกระทรวงยุติธรรมได้บอกว่า ทนายความที่พยายามปกป้องสิทธิมนุษยชน เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีหลักการที่มั่นคง แต่ผมว่าพวกเขาต่างหากที่ไม่มีหลักการที่มั่นคง” นั่นคือความเห็นของ นายถัง จี้เทียน ทนายจากสำนักงานกฎหมายอันฮุยในปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานทนายความที่ได้รับคำเตือน
นายนิโคลัส เบควิน นักวิจัยจากองค์การพิทักษ์สิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch) กล่าวว่า การรณรงค์ของรัฐบาลจีนดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่ออาชีพนักกฎหมายในจีน ถึงแม้ว่า ทนายเหล่านั้นจัดการขอใบอนุญาตฉบับใหม่ได้แล้ว
ในอดีตนั้น การถอนใบอนุญาตทนายความ การข่มขู่ การทำร้ายร่างกาย หรือการคุกคามด้วยวิธีการอื่น ถือเป็นเรื่องปรกติในจีน
“มีความพยายามจากหลายฝ่าย ที่ต้องการตอบโต้นักกฎหมายที่ยอมว่าความในคดีที่อ่อนไหว เพื่อจะได้กำจัดทนายความออกจากคดีที่อ่อนไหวทั้งหลาย” นายเบควิน กล่าว
สำหรับกลุ่มทนายความที่เจอปัญหาเรื่องใบอนุญาต ก็มีทั้งทนายที่ว่าความให้พระชาวทิเบต ทนายที่ว่าความในคดีลัทธิฝ่าหลุนกงที่ถูกทางการจีนสั่งห้าม และทนายที่ว่าความให้พ่อแม่ของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวน โดยพ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านั้น กล่าวหาว่า การพังทลายของโรงเรียนเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากการคอร์รัปชั่น การลดงบก่อสร้าง และการออกแบบที่ไม่ดีพอ
ขณะที่ กระทรวงยุติธรรมของจีนไม่ได้ออกมาให้ข้อมูล หรือความเห็นใดๆ ทั้งเรื่องการออกใบอนุญาตที่ล่าช้า หรือข้อกล่าวหาที่ว่ามีการคุกคามทนายความ และเป็นที่น่าสังเกตว่า คำเตือนที่ออกมาจากรัฐบาลจีนครั้งนี้ มีขึ้นในช่วงเดียวกับที่สำนักงานกฎหมายและทนายความจะต้องขอต่อใบอนุญาตฉบับใหม่
นักกฎหมายในกรุงปักกิ่งรายเดิมกล่าวว่า คำเตือนของรัฐบาลมีนัยยะว่า สำนักงานกฎหมายควรกำจัดใบอนุญาตของกลุ่มทนายที่สร้างปัญหา หรือไม่สำนักงานกฎหมายนั้นก็จะไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตเสียเอง ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ สำนักงานกฎหมายยอมเสียลูกจ้างไปโดยไม่ต้องไล่พวกเขาออก แค่ส่งเอกสารที่ขอต่อใบอนุญาตของพวกเขาไปไม่ครบถ้วน เพียงเท่านี้พวกเขาก็จะไม่สามารถเป็นทนายความได้อีก
นายถังที่เป็นทนายจำเลยให้แก่กลุ่มชาวนาในชนบทที่โดนตั้งข้อหาแย่งชิงที่ดิน และกำลังต่อสู้ในประเด็นที่ว่าชาวนากลุ่มนี้ติดคุกโดยไม่มีการไต่สวน ระบุว่า หากเขายังไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตภายในวันอาทิตย์นี้ ก็จะทำให้เขาถูกสั่งห้ามทำคดี
นายถัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีทนายอย่างน้อย 20 คนจากสำนักงานกฎหมาย 9 แห่ง ที่ได้รับแจ้งในวันเดียวกัน ว่าการต่อใบอนุญาตฉบับใหม่ต้องล่าช้าออกไป
ขณะที่ นายเจียง เทียนหย่ง ทนายจากสำนักงานกฎหมายเก้าป๋อ หลงหวา ในกรุงปักกิ่ง ที่ว่าความให้พระทิเบตที่ถูกกล่าวหาว่าซุกซ่อนอาวุธในที่เกิดเหตุประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาล กล่าวว่า การขอใบอนุญาตของเขาก็ยังค้างเติ่งอยู่ และว่า “รัฐบาลเชือดพวกเราเป็นตัวอย่าง เพื่อทำให้ทนายคนอื่นๆ เกิดความกลัวและไม่กล้าขัดคำสั่ง”
นายเจียงเชื่อว่า การที่รัฐบาลจีนออกมารณรงค์เรื่องดังกล่าวในเวลานี้ เกี่ยวข้องกับวาระครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาและประชาชนที่จัตุรัสทียนอันเหมิน ซึ่งรัฐบาลเกรงว่าอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงนั้น
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ การจับกุม ข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ทนายความที่เกี่ยวข้องกับคดีที่อ่อนไหวมีขึ้นบ่อยครั้ง โดยต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทนายจากปักกิ่งคือ นายจาง ข่าย และนายหลี่ ชุนฝู ได้ถูกตำรวจจับกุมและทำร้ายร่างกายในเมืองฉงชิ่ง ขณะเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวผู้ที่ตายอย่างมีเงื่อนงำในค่ายผู้ใช้แรงงาน
ส่วน นายเกา จื้อเซิง ทนายจากปักกิ่งอีกรายหนึ่ง ซึ่งทำคดีที่เป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองหลายๆ คดี รวมทั้งคดีลัทธิฝ่าหลุนกง ได้หายตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเชื่อกันว่าเขาถูกตำรวจกักตัวไว้
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยนักกฎหมายในกรุงปักกิ่ง ที่ระบุว่า เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ ผู้มีอำนาจได้มีการพบปะ หรือโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานกฎหมาย 9 แห่งในปักกิ่ง เพื่อเรียกร้องไม่ให้ต่อใบอนุญาตแก่ทนายความบางราย หรืออาจส่งเอกสารขอต่อใบอนุญาตไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพียงบางส่วน เพื่อให้การขอต่อใบอนุญาตของทนายเหล่านั้นมีปัญหาทางเทคนิค
การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนได้พยายามทำมาหลายปีแล้ว เพื่อควบคุมการขยายตัวของกลุ่มทนายความที่ต่อสู้เพื่อสังคม
“ก่อนหน้านี้ รัฐบาลใช้วิธีกดดันทนายความเป็นรายบุคคล แต่ตอนนี้เปลี่ยนมากดดันในระบบ โดยกระทรวงยุติธรรมได้บอกว่า ทนายความที่พยายามปกป้องสิทธิมนุษยชน เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีหลักการที่มั่นคง แต่ผมว่าพวกเขาต่างหากที่ไม่มีหลักการที่มั่นคง” นั่นคือความเห็นของ นายถัง จี้เทียน ทนายจากสำนักงานกฎหมายอันฮุยในปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักงานทนายความที่ได้รับคำเตือน
นายนิโคลัส เบควิน นักวิจัยจากองค์การพิทักษ์สิทธิมนุษยชน (Human Rights Watch) กล่าวว่า การรณรงค์ของรัฐบาลจีนดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่ออาชีพนักกฎหมายในจีน ถึงแม้ว่า ทนายเหล่านั้นจัดการขอใบอนุญาตฉบับใหม่ได้แล้ว
ในอดีตนั้น การถอนใบอนุญาตทนายความ การข่มขู่ การทำร้ายร่างกาย หรือการคุกคามด้วยวิธีการอื่น ถือเป็นเรื่องปรกติในจีน
“มีความพยายามจากหลายฝ่าย ที่ต้องการตอบโต้นักกฎหมายที่ยอมว่าความในคดีที่อ่อนไหว เพื่อจะได้กำจัดทนายความออกจากคดีที่อ่อนไหวทั้งหลาย” นายเบควิน กล่าว
สำหรับกลุ่มทนายความที่เจอปัญหาเรื่องใบอนุญาต ก็มีทั้งทนายที่ว่าความให้พระชาวทิเบต ทนายที่ว่าความในคดีลัทธิฝ่าหลุนกงที่ถูกทางการจีนสั่งห้าม และทนายที่ว่าความให้พ่อแม่ของเด็กนักเรียนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวน โดยพ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านั้น กล่าวหาว่า การพังทลายของโรงเรียนเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากการคอร์รัปชั่น การลดงบก่อสร้าง และการออกแบบที่ไม่ดีพอ
ขณะที่ กระทรวงยุติธรรมของจีนไม่ได้ออกมาให้ข้อมูล หรือความเห็นใดๆ ทั้งเรื่องการออกใบอนุญาตที่ล่าช้า หรือข้อกล่าวหาที่ว่ามีการคุกคามทนายความ และเป็นที่น่าสังเกตว่า คำเตือนที่ออกมาจากรัฐบาลจีนครั้งนี้ มีขึ้นในช่วงเดียวกับที่สำนักงานกฎหมายและทนายความจะต้องขอต่อใบอนุญาตฉบับใหม่
นักกฎหมายในกรุงปักกิ่งรายเดิมกล่าวว่า คำเตือนของรัฐบาลมีนัยยะว่า สำนักงานกฎหมายควรกำจัดใบอนุญาตของกลุ่มทนายที่สร้างปัญหา หรือไม่สำนักงานกฎหมายนั้นก็จะไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตเสียเอง ดังนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ สำนักงานกฎหมายยอมเสียลูกจ้างไปโดยไม่ต้องไล่พวกเขาออก แค่ส่งเอกสารที่ขอต่อใบอนุญาตของพวกเขาไปไม่ครบถ้วน เพียงเท่านี้พวกเขาก็จะไม่สามารถเป็นทนายความได้อีก
นายถังที่เป็นทนายจำเลยให้แก่กลุ่มชาวนาในชนบทที่โดนตั้งข้อหาแย่งชิงที่ดิน และกำลังต่อสู้ในประเด็นที่ว่าชาวนากลุ่มนี้ติดคุกโดยไม่มีการไต่สวน ระบุว่า หากเขายังไม่ได้รับการต่อใบอนุญาตภายในวันอาทิตย์นี้ ก็จะทำให้เขาถูกสั่งห้ามทำคดี
นายถัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีทนายอย่างน้อย 20 คนจากสำนักงานกฎหมาย 9 แห่ง ที่ได้รับแจ้งในวันเดียวกัน ว่าการต่อใบอนุญาตฉบับใหม่ต้องล่าช้าออกไป
ขณะที่ นายเจียง เทียนหย่ง ทนายจากสำนักงานกฎหมายเก้าป๋อ หลงหวา ในกรุงปักกิ่ง ที่ว่าความให้พระทิเบตที่ถูกกล่าวหาว่าซุกซ่อนอาวุธในที่เกิดเหตุประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐบาล กล่าวว่า การขอใบอนุญาตของเขาก็ยังค้างเติ่งอยู่ และว่า “รัฐบาลเชือดพวกเราเป็นตัวอย่าง เพื่อทำให้ทนายคนอื่นๆ เกิดความกลัวและไม่กล้าขัดคำสั่ง”
นายเจียงเชื่อว่า การที่รัฐบาลจีนออกมารณรงค์เรื่องดังกล่าวในเวลานี้ เกี่ยวข้องกับวาระครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาและประชาชนที่จัตุรัสทียนอันเหมิน ซึ่งรัฐบาลเกรงว่าอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในช่วงนั้น
ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ การจับกุม ข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ทนายความที่เกี่ยวข้องกับคดีที่อ่อนไหวมีขึ้นบ่อยครั้ง โดยต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทนายจากปักกิ่งคือ นายจาง ข่าย และนายหลี่ ชุนฝู ได้ถูกตำรวจจับกุมและทำร้ายร่างกายในเมืองฉงชิ่ง ขณะเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวผู้ที่ตายอย่างมีเงื่อนงำในค่ายผู้ใช้แรงงาน
ส่วน นายเกา จื้อเซิง ทนายจากปักกิ่งอีกรายหนึ่ง ซึ่งทำคดีที่เป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองหลายๆ คดี รวมทั้งคดีลัทธิฝ่าหลุนกง ได้หายตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และเชื่อกันว่าเขาถูกตำรวจกักตัวไว้