เอเจนซี – ยอดส่งออกเดือนเมษายนชะลอตัวลงจากปีก่อนร้อยละ 22.6 ชะลอตัวติดกันเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่ยอดลงทุนสินทรัพย์ถาวรขยับสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายกระตุ้นธนาคารปล่อยสินเชื่อของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เชื่อ เศรษฐกิจจีนยังต้องพึ่งพาการฟื้นตัวของชาติตะวันตก เพราะการบริโภคภายในยังไม่โตพอชดเชยยอดส่งออกที่หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
จีนเผยตัวเลขส่งออกเดือนเมษายนที่ผ่านมาร่วงจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 22.6 แตะ 91,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราการชะลอตัวแรงกว่าเมื่อเดือนมีนาคมที่ร่วงลงร้อยละ 17 แต่กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์มองว่ายังมีสัญญาณเชิงบวกส่อเค้าให้เห็นจากตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ โดยขณะที่ตัวเลขส่งออกเครื่องจักรหนักและเครื่องมืออุตสาหกรรมอื่นๆ ร่วงลง แต่หลายเดือนที่ผ่านมาพบว่าความต้องการสินค้าแรงงาน อาทิ รองเท้า เสื้อผ้า และพลาสติก เริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง
จิง อุลริช ประธานฝ่ายตราสารทุนจีนแห่ง เจพี มอร์แกน เผยว่า ผู้ค้าปลีกชาวอเมริกันได้เริ่มสั่งสินค้าที่เหลือในสต็อกไม่มากมาเพิ่มอีกครั้ง ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะคงที่มากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์บางรายเชื่อว่า ในปีหน้าจีนยังจะต้องพึ่งพิงการฟื้นตัวของอุปสงค์จากประเทศฝั่งตะวันตก เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังไม่สามารถเติบโตได้รวดเร็วพอที่จะชดเชยการส่งออกที่ชะลอตัวลงได้ และมองว่าจีนอาจเสี่ยงเผชิญกับการหดตัวซ้ำซ้อนของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีหน้านี้หากเศรษฐกิจของชาติตะวันตกยังไม่ฟื้นตัว
ขณะที่อุปสงค์ในการนำเข้านั้น สำนักงานศุลกากรแห่งประเทศจีนรายงานว่ายังคงอ่อนแรง โดยร่วงลงถึงร้อยละ 23 มาอยู่ที่ 78,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งให้เดือนเมษายนจีนเกินดุลการค้า 13,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากยอดเกินดุล 18,600 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ส่วนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วง 4 เดือนแรกนั้น ขยับตัวขึ้นร้อยละ 30.5 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 3.71 ล้านล้านหยวน (543,200 ล้านเหรียญสหรัฐ) ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์จากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
โดยในช่วงเดือนมกราคม-เมษายนที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อก้อนใหม่รวมทั้งสิ้น 5.2 ล้านล้านหยวน สนองคำสั่งของรัฐบาลในการอัดฉีดเงินแก่โครงการสาธารณูปโภค เพื่อกระตุ้นอุปสงค์และการจ้างงาน ซึ่งการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นนั้นก็สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดี
แต่อย่างไรก็ตามปริมาณสินเชื่อใหม่เฉพาะในเดือนเมษายนนั้นลดลง 2 ใน 3 ลงมาแตะ 591,800 ล้านหยวนเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการปล่อยสินเชื่ออาจจะค่อยๆ บรรเทาลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจจีนดูดซับเงินทุนก้อนใหญ่ที่ไหลเข้ามาในประเทศ
ขณะเดียวกันการลงทุนในภาคเอกชนยังคงอ่อนแรง โดยนักเศรษฐศาสตร์ยังแสดงความกังวลถึงความเสี่ยงเรื่องหนี้เสีย และการลงทุนขยายความสามารถการผลิตมากเกินไป