เอเชี่ยน วอล สตรีท เจอร์นัล – Vestas Wind Systems จากเดนมาร์กเร่งแย่งส่วนแบ่งตลาดพลังงานลมในจีน เปิดโรงงานกังหันลมที่มองโกเลียในผลิตใบพัดใหญ่กว่าปกติ โดยออกแบบเพื่อสนองตอบสภาพแวดล้อมในจีนโดยเฉพาะ คาดปลายปีนี้กำลังผลิตกังหันลมจะมีถึง 800 ชิ้นต่อปี
การเสริมกำลังผลิตในประเทศจีนครั้งนี้ เกิดขึ้นในจังหวะที่จีนกำลังรณรงค์เรื่องการใช้พลังงานทางเลือกเพื่อแก้ปัญหามลพิษที่เลวร้ายลงทุกวัน ทั้งนี้ พลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนส่วนใหญ่จะเป็นถ่านหิน ที่ดูเหมือนจะเป็นแหล่งพลังงานหลักของจีนต่อไปอีกหลายปี ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจพลังงานลงก็เติบโตขึ้นอย่างน่าทึ่ง
นายฟาง จุนซื่อ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารพลังงานแห่งชาติของจีน ระบุว่า การผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดของรัฐบาลจีนนั้น ทำให้คาดกันว่าภาคธุรกิจพลังงานลมของจีนจะสามารถผลิตพลังงานจากลมได้ 100 กิกะวัตต์ภายในปี 2563 ซึ่งมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ถึง 3 เท่าตัว
ปัจจุบันนี้ จีนสามารถผลิตพลังงานได้ทั้งสิ้น 700 กิกะวัตต์ ในจำนวนนี้มีพลังงานลมเพียง 12.5 กิกะวัตต์ แต่กระนั้นก็ยังมากกว่าเป้าที่เคยตั้งไว้ว่าจะสามารถผลิตพลังงานลมได้ 10 กิกะวัตต์ภายในปี 2555
นายฟาง กล่าวเพิ่มเติมว่า มีการคาดกันว่าภายในปี 2563 จีนจะสามารถผลิตพลังงานได้รวม 1,400-1,500 กิกะวัตต์ โดยจะเป็นพลังงานที่ผลิตจากถ่านหินประมาณ 900-1,000 กิกะวัตต์
สำหรับกังหันลมที่ผลิตขายในจีนขณะนี้ จำนวน 3 ใน 4 มาจากโรงงานผลิตภายในประเทศ ขณะที่ผู้ผลิตจากต่างประเทศพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดโดยใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าเมื่อปีที่แล้ว กังหันลมของ Vestas มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศจีนคิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่อันดับสองรองจากสหรัฐฯ
บริษัท Vestas เริ่มเข้ามาในประเทศจีนเมื่อปี 2548 โดยมีคนงานอยู่ 45 คน และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้คนงานของ Vestas จะเพิ่มเป็น 3 พันคน และจนถึงขณะนี้บริษัท Vestas ได้ลงทุนในจีนไปแล้ว 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 19,250 ล้านบาท) โดยนายลาร์ส แอนเดอร์เซ่น ประธานบริษัท Vestas กล่าวว่า “เรากำลังขยายงานในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว”
ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนได้ตกลงว่าจะขยายการใช้พลังงานลมในอัตราที่มากกว่าการใช้พลังงานนิวเคลียร์ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ว่าจะดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังลมอย่างไร และจะนำไปเชื่อมต่อกับท่อส่งไฟหลักของจีนได้อย่างไร
ทั้งนี้เนื่องจากแหล่งผลิตพลังงานลมที่เหมาะสมที่สุดในจีนจะอยู่ในดินแดนห่างไกลที่มองโกเลียใน ซึ่งอยู่ห่างไกลจากมณฑลที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลและต้องการใช้พลังงานในปริมาณมาก อย่างเช่น เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น
อย่างไรก็ตาม คาดกันว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ที่รวมไปถึงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในประเทศ จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ไปได้ นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนจากบรรดาผู้ประกอบการพลังงานลม ว่าระบบประมูลของจีนนั้นมักจะมุ่งเน้นไปที่ราคาประมูลต่ำที่สุด โดยไม่ได้ดูว่าเทคโนโลยีการผลิตจะทำให้ได้พลังงานสะอาดที่สุดหรือไม่
นายแอนเดอร์เซ่น กล่าวอีกว่า ในแผนการเสริมกำลังผลิตครั้งนี้ Vestas ได้ผลิตกังหันลมรุ่นใหม่ V60 เพื่อโรงงานผลิตที่มองโกเลียในเป็นการเฉพาะ โดยกังหันลมรุ่นนี้ได้ออกแบบให้ง่ายต่อการขนส่งในรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนไปบนถนนที่ขรุขระ และสามารถทำงานได้ในสภาพที่มีกำลังลมต่ำ
ในปี 2550 กังหันลมที่บริษัท Vestas ผลิตไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกสามารถผลิตพลังงานได้ 5,000 เมกะวัตต์ และคาดว่าทางบริษัทจะเพิ่มกำลังผลิตได้ 2 เท่าตัวภายในปี 2553 ในส่วนของประเทศจีนนั้น เมื่อปีที่แล้วกังหันลมที่ Vestas ขายออกไปสามารถผลิตพลังงานได้ 600 เมกะวัตต์