ปัตตานี – กระทรวงพลังงานเตรียมทดลองติดตั้งกังหันลมขนาดใหญ่ที่ปัตตานี วาดหวังผลิตกระแสไฟฟ้ารองรับการพัฒนาและเสริมความมั่นคงด้านพลังงานแก่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
วานนี้ (28 ม.ค.) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ได้มีการจัดประชุมสัมมนาเรื่องโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จังหวัดปัตตานี โดยมี นายมานะ นิติกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นประธานเปิดการประชุม มีนายประทีป กีรติเรขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และคณาจารย์ มอ.ปัตตานี รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าวเข้าร่วมจำนวนมาก
สืบเนื่องจากสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติกำหนดให้จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และอีก 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และได้มอบให้กระทรวงและกรมที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการพัฒนาในด้านต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ
ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้มีแผนงานโครงการพัฒนาด้านพลังงานขึ้น ได้แก่ โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยในขั้นแรกจะติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาด 250 กิโลวัตต์ 1 ชุด และ 1,500 เมกะวัตต์ 1 ชุด บริเวณแหลมตาชี ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่เพื่อติดตั้งกังหันลมดังกล่าว
นายมานะ นิติกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับ มอ.ปัตตานี จึงได้จัดสัมมนาโครงการสาธิตดังกล่าวขึ้น โดยได้เชิญผู้แทนประชาชน กลุ่มองค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ และผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งโครงการ มาเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงความเป็นมา วัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคต
ด้าน นายประทีป กีรติเรขา รอง ผวจ.ปัตตานี กล่าวว่า การนำเอากังหันลมมาผลิตกระแสไฟฟ้าตามโครงการนี้ ถือเป็นโครงการนำร่อง ซึ่งพลังงานลมเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ หรือฝุ่นผง แต่อาจมีผลกับทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง รวมทั้งเสียงจากใบพัดที่เกิดขึ้นด้วย เนื่องจากกังหันดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่า
“หากโครงการนี้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นไปด้วยดีแล้ว เราเชื่อว่าในอนาคตก็จะมีภาคเอกชนเข้ามาลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในพื้นที่นี้เพิ่มมากขึ้น ทำให้พลังงานไฟฟ้ามีความมั่นคง สร้างความมั่นใจแก่ภาคธุรกิจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีกด้วย” นายประทีป กล่าว
วานนี้ (28 ม.ค.) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ได้มีการจัดประชุมสัมมนาเรื่องโครงการสาธิตการผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมขนาดใหญ่ จังหวัดปัตตานี โดยมี นายมานะ นิติกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นประธานเปิดการประชุม มีนายประทีป กีรติเรขา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และคณาจารย์ มอ.ปัตตานี รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าวเข้าร่วมจำนวนมาก
สืบเนื่องจากสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติกำหนดให้จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และอีก 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และได้มอบให้กระทรวงและกรมที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการพัฒนาในด้านต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ
ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้มีแผนงานโครงการพัฒนาด้านพลังงานขึ้น ได้แก่ โครงการสาธิตพัฒนาพลังงานลมเพื่อผลิตไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยในขั้นแรกจะติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาด 250 กิโลวัตต์ 1 ชุด และ 1,500 เมกะวัตต์ 1 ชุด บริเวณแหลมตาชี ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่เพื่อติดตั้งกังหันลมดังกล่าว
นายมานะ นิติกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับ มอ.ปัตตานี จึงได้จัดสัมมนาโครงการสาธิตดังกล่าวขึ้น โดยได้เชิญผู้แทนประชาชน กลุ่มองค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ และผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งโครงการ มาเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงความเป็นมา วัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคต
ด้าน นายประทีป กีรติเรขา รอง ผวจ.ปัตตานี กล่าวว่า การนำเอากังหันลมมาผลิตกระแสไฟฟ้าตามโครงการนี้ ถือเป็นโครงการนำร่อง ซึ่งพลังงานลมเป็นพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ หรือฝุ่นผง แต่อาจมีผลกับทัศนียภาพที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง รวมทั้งเสียงจากใบพัดที่เกิดขึ้นด้วย เนื่องจากกังหันดังกล่าวมีขนาดใหญ่มาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่า
“หากโครงการนี้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นไปด้วยดีแล้ว เราเชื่อว่าในอนาคตก็จะมีภาคเอกชนเข้ามาลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในพื้นที่นี้เพิ่มมากขึ้น ทำให้พลังงานไฟฟ้ามีความมั่นคง สร้างความมั่นใจแก่ภาคธุรกิจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีกด้วย” นายประทีป กล่าว