xs
xsm
sm
md
lg

จีนเตรียมเนรมิตฐานพัฒนา “สเต็มเซลล์” ใหญ่สุดในเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ – หนังสือพิมพ์ฮ่องกงเปิดเผย จีนเตรียมสร้างฐานพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ "สเต็มเซลล์" แห่งใหญ่สุดในเอเชีย หวังขึ้นแท่นประเทศชั้นแนวหน้าวิจัยเทคโนโลยีเซลล์ต้นแบบ

หนังสือพิมพ์ต้ากงเป้าของฮ่องกงรายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 เม.ย.) ว่า จีนเตรียมสร้างฐานพัฒนาการใช้เทคโนโลยีการแพทย์สเต็มเซลล์ (Stem Cells) แห่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่เมืองไถโจว มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งมีธุรกิจด้านการแพทย์และเวชกรรมต่างๆ ปักหลักอยู่เป็นจำนวนมาก

โดยฐานดังกล่าวจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 20,000 ตารางเมตร และจะมีสถานรักษาพยาบาลรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามรายงานไม่ได้ระบุว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จเมื่อใด

เฉิน จู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจีนเปิดเผยระหว่างแถลงเปิดตัวโครงการในมณฑลเจียงซูว่า เทคโนโลยีสเต็มเซลล์คือการนำเซลล์ต้นกำเนิดจากร่างกายมาใช้สร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งนับเป็นความหวังใหม่ของวงการแพทย์ที่จะสามารถรักษาโรคร้ายแรง โรคเรื้อรัง และอาการบาดเจ็บได้ พร้อมกันนี้ยังย้ำว่าประเทศจีนจะเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว

ดังเช่นเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะนักวิจัยแห่งสถาบันวิจัยเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ ซึ่งร่วมมือค้นคว้ากับโรงพยาบาลเยียนไถ มณฑลซันตง ก็ได้ประกาศความสำเร็จในการศึกษาเทคโนโลยีการทำสำเนาพันธุกรรม(โคลนนิ่ง)ตัวอ่อนจากร่างกายมนุษย์ โดยสามารถโคลนนิ่งตัวอ่อนระยะบลาสโตซิสได้ทั้งหมด 5 ตัวอ่อน ในจำนวนดังกล่าวมี 4 ตัวอ่อนที่โคลนมาจากเซลล์ผิวหนังไฟบริน (fibrocyte) ของอาสามัครที่มีสุขภาพแข็งแรง และอีก 1 ตัวอ่อน ได้มาจากเม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ซึ่งเทคโนโลยีโคลนนิ่งล่าสุดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน

“สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดนั้นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีชีวภาพวิทยาการสูงแขนงใหม่ของจีน ซึ่งยังมีศักยภาพในการพัฒนาที่แข็งแกร่งมา กและเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว มันมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องยกมาตรฐานคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนไปควบคู่กันด้วย” เฉินกล่าว

ปัจจุบันจีนกำลังพยายามรุกศึกษาเรื่องสเต็มเซลล์และขยายสัดส่วนในวิทยาการที่เริ่มมีการแข่งขันสูงขึ้นนี้ โดยจีนนับว่าได้เปรียบกว่าหลายประเทศ ที่มีกฎระเบียบควบคุมเรื่องสเต็มเซลล์เข้มงวดและยังมีความคิดเห็นขัดแย้ง อันเป็นอุปสรรคต่อการวิจัย ดังเช่นรัฐบาลของจอร์จ ดับเบิลบู บุช และกลุ่มอนุรักษ์นิยมส่วนหนึ่งที่ต่อต้านการใช้สเต็มเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อนของมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด บารัค โอบามา ได้ทบทวนนโยบายของบุช ที่แช่แข็งการให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนใหม่อีกครั้ง ขณะที่สิงคโปร์ก็กำลังเล็งตั้งศูนย์วิจัยสเต็มเซลล์ระดับภูมิภาคอยู่

ทั้งนี้ สเต็มเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อนของมนุษย์จะเป็นเซลล์ตัวอ่อนที่สามารถเติบโตขึ้นไปเป็นเนื้อเยื่อได้หลายชนิด ซึ่งการเติบโตของเนื้อเยื่อที่ได้จากสเต็มเซลล์นับเป็นเส้นชัยสำคัญของบรรดานักวิทยาศาสตร์ เพราะสามารถนำไปใช้ปลูกเป็นอวัยวะมนุษย์ที่ขาดหายไปได้

แต่ปัจจุบันยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในเชิงศีลธรรมว่า สเต็มเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อนของทารกนั้น ถือเป็นการฆ่ามนุษย์หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดึงตัวอ่อนมนุษย์ที่เกิดจากการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิที่มีอายุ 5-7 วันออกมาไว้ในจานแก้วเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จากนั้นจึงดูดเซลล์จากตัวอ่อนออกมาเพาะเลี้ยงเป็น สเต็มเซลล์ต่อไป โดยวิธีการนี้จะทำให้ตัวอ่อนมนุษย์ต้องตายไป
กำลังโหลดความคิดเห็น