xs
xsm
sm
md
lg

นักปรุงไวน์โลกไม่หวั่นศก.ตกสะเก็ด สยายปีกธุรกิจจีนจับลูกค้าชนชั้นกลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์กำลังรื่นเริงกับงานปาร์ตี้ชิมไวน์ในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 25 มีนาคมปี 2552 - เอเอฟพี
เอเอฟพี – ผู้ผลิตไวน์นานาชาติไม่หวั่นเศรษฐกิจมังกรชะลอตัว เดินหมากขยายธุรกิจในแผ่นดินใหญ่เต็มลูกสูบ เพราะเล็งเห็นศักยภาพเติบโตของตลาดจีน ซึ่งเพิ่งขึ้นทำเนียบประเทศบริโภคไวน์ 10 อันดับแรกของโลกหมาดๆ

ปัจจุบันมีบาร์ไวน์และร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเหล้าองุ่นเริ่มเฟื่องฟูขึ้นมากในหลายเมืองของจีน โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางการเงินแห่งประเทศจีน และถูกมองว่าเป็นเมืองที่มีความเป็นสากลที่สุดของประเทศ

โดยมาร์ก-อองตวน มาลิอา หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดของบริษัท เอโนเตกา บาร์ไวน์สาขาย่อยในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งให้สัมภาษณ์ว่า “ปัจจุบันมีลูกค้ามาอุดหนุนที่ร้านมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังทานมื้ออาหารค่ำกับเพื่อนๆ”

ไวน์ไม่ได้เป็นสินค้าหรูสำหรับชาวต่างชาติอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางฐานะของกลุ่มผู้บริโภคชนชั้นกลางที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศจีน

“เมื่อปี 2551 จีนเป็น 1 ใน 10 ประเทศผู้บริโภคไวน์รายใหญ่สุดของโลก และคาดว่าจีนจะติดอันดับ 7 ภายในปี 2555 นี้” ซาวิเยร์ เดอ เอซากีร์ ประธาน ไวน์เอ็กซ์โป นิทรรศการจัดแสดงไวน์และสุรารายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นที่บอร์กโด ประเทศฝรั่งเศสกล่าวระหว่างเยือนเซี่ยงไฮ้

พร้อมเสริมว่า “มีตลาดเกิดใหม่น้อยมากที่เรามองเห็นศักยภาพในการเติบโตเฉกเช่นประเทศจีน”

เช่นเดียวกับโดแมง บารองส์ เดอ รอธ์ชิลด์ หนึ่งในผู้ผลิตไวน์ชื่อดังจากเมืองน้ำหอม เจ้าของไวน์แบรนด์ดัง “ชาโตร์ ลาฟีต” ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งประกาศแผนร่วมหุ้น CITIC ปลูกไร่องุ่นในพื้นที่ 62 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2.5 ไร่) ในคาบสมุทรเผิงไหล ทางภาคตะวันออกของมณฑลซันตง เพื่อนำไปผลิตเป็นไวน์ชั้นดี หวังรองรับตลาดไวน์ในจีนที่กำลังโตวันโตคืน

“มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากที่เราจะมีส่วนร่วมในการสร้างไวน์ชั้น “กรองต์ ครู” (grand cru) ขึ้นมาในประเทศจีน” บารอน เดอ รอธ์ชิลด์ เจ้าของบริษัทระบุ

ขณะที่อัลแลง กัสเทล ผู้อำนวยการใหญ่ของกัสเทล กรุ๊ป ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสในแง่ของปริมาณ และเป็นอันดับ 3 ของโลกกล่าวว่า บรรดาผู้ผลิตไวน์ไม่อาจมองข้ามตลาดจีนไปได้

“จีนกำลังอยู่ในระหว่างการขยายตัวอย่างมหาศาล และสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นถือเป็นเรื่องสำคัญมาก พวกเราเห็นการขยายตัวถึง 300% ระหว่าง 4 เดือนแรกของปี 2551 และ 4 เดือนแรกของปี 2552” กัสเทลกล่าวในระหว่างเดินทางเยือนปักกิ่ง โดยปีนี้บริษัทของเขาตั้งเป้าขายไวน์ให้ได้มากกว่า 12 ล้านขวดในประเทศจีน

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสถาบันข้อมูลไวน์และสุรานานาชาติของอังกฤษระบุไว้ว่า ในปี 2550 ชาวจีนบริโภคไวน์มากถึง 800 ล้านขวด โดยระหว่างปี 2546-2550 การบริโภคไวน์ในจีนขยายตัวถึง 61% และคาดว่าจะเติบโต 36% ในระหว่างปีนี้และปี 2555

โดยไวน์แดงนับเป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักชิมจีน ส่วนไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ หรือแม้แต่ไวน์กุหลาบ ก็ยังทำตลาดได้ไม่มากนัก ตามที่ข้อมูลของสถาบันฯ ระบุ

อย่างไรก็ตาม แวงซ์ แยงก์ บริกรรินเหล้าองุ่นจากนาพา ไวน์ เรซิเดนซ์ ภัตตาคารในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอนุญาตให้ลูกค้าพิเศษสามารถฝากไวน์เก็บไว้ในห้องเก็บส่วนตัวได้นั่นก็เชื่อมั่นว่า ชาวจีนจะเปิดใจทดลองไวน์ใหม่ๆ

เช่นเดียวกับความคิดของ โจว ซื่อเฉิน เจ้าของบริษัทรูบี เรด ผู้ส่งออกและจัดจำหน่ายไวน์กล่าวว่า นอกจากไวน์ฝรั่งเศสแล้ว ไวน์ออสเตรเลียก็ขายดีที่จีนด้วย เนื่องจากขวดและแบรนด์ที่น่าดึงดูด

แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจจำหน่ายไวน์ก็เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ดังเช่นอุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศจีนด้วย โดยไวน์ต่างชาติกำลังเผชิญหน้ากับการเติบโตอย่างรวดเร็วของไวน์จีน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกินส่วนแบ่งไปถึง 90% ของการบริโภคไวน์ในประเทศ และเชื่อว่าในเวลาไม่นานจีนจะติด 1 ใน 10 ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่สุดของโลก

ทั้งที่คุณภาพด้อยกว่า แต่ไวน์จีนก็ยังครองส่วนแบ่งหลักในตลาด เนื่องจาก ผู้ผลิตจีนเข้าถึงเครือข่ายกระจายสินค้าที่มีมายาวนาน ขณะที่บริษัทต่างประเทศต้องจ่ายค่าโปรโมทสูงมากกว่าจะสามารถนำสินค้าวางจำหน่ายบนชั้นวางได้ และภาษีนำเข้า 14% ก็ทำให้ไวน์ต่างชาตินั้นมีราคาแพงกว่าสินค้าในประเทศมาก ตามที่แหล่งข่าววงในอุตสาหกรรมไวน์ของจีนรายหนึ่งกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น